เชื่อว่านักเดินทางหน้าใหม่หลายคน ที่คิดจะเที่ยวนอกประเทศครั้งแรก หรือเป็นมือใหม่สำหรับการเดินทาง น่าจะเคยเห็นรีวิวหรือถูกแนะนำมาเหมือน ๆ กันว่า ลองไปสิงคโปร์ดูสิ เพราะไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไร เดินทางง่าย ไม่ต้องขอวีซ่า อาหารอร่อย อากาศดี พื้นที่สีเขียวเยอะ แถมยังมีงานศิลปะจากพิพิธภัณฑ์ให้เยี่ยมชมมากมายหลายที่ และด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราก็คงปฏิเสธไม่เลยว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นลองหาเวลาว่างหรือลาพักร้อน เก็บกระเป๋าแล้วจองตั๋วไปสิงคโปร์ดูสักครั้งในชีวิตสิ และเพื่อการเดินทางที่สะดวกยิ่งขึ้น ลองนำแผนเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ในแบบฉบับของ KKday นี้ไปลองใช้ดูได้เลย!

ทำไมต้องไปเที่ยว ‘สิงคโปร์’?

ด้วยความที่สิงคโปร์อยู่ไม่ไกลจากเมืองไทยมากนัก ก็ตัดปัญหาเรื่องการเดินทางหรือต้องนั่งเครื่องบินนาน ๆ ไปได้เลย เพราะเวลาที่ใช้ในแต่ละเที่ยวบินเพียง 1 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วยังมีสายการบินตรงให้บริการหลายเที่ยวต่อวันจากหลากหลายสายการบินด้วย เรื่องราคาก็ไม่ต้องกังวล เพราะสิงคโปร์เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทย โปรโมชันตั๋วเครื่องบินมีเยอะแยะมากมาย ใครสะดวกเลือกแบบไหนก็ตามใจชอบเลย

ที่พักราคาถูกและดีมีที่ไหนบ้าง?

สำหรับโซนพื้นที่ที่คนนิยมไปพักในสิงคโปร์ แบ่งออกเป็น 5 โซน หลัก โดยเราจะรวบรวมที่พักที่คุ้มค่า คุ้มราคาของแต่ละโซนมาให้เก็บเอาไว้เป็นตัวเลือกในการช่วยตัดสินใจ

Visualhunt | Bertrand Duperrin

  1. ที่พักย่านเกลัง (Geylang Zone)
    โซนนี้ขึ้นชื่อเรื่องที่พักราคาถูกอยู่แล้ว เป็นย่านที่คึกคัก เต็มไปด้วยของกินและผู้คนที่ชอบชีวิตในยามค่ำคืน แถมการเดินทางก็ค่อนข้างสะดวก เพราะว่าอยู่ไม่ห่างจากแลนด์มาร์กสำคัญ ๆ หลายแห่ง สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือรถบัสได้อย่างสะดวกสบาย
  2. ที่พักย่านไชนาทาวน์ (Chinatown Zone)
    ย่านนี้เป็นที่พักยอดนิยมของคนไทย เพราะอยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งชอปปิง หาของกินง่าย สะดวกสบาย ใกล้แลนด์มาร์กสำคัญ ๆ อย่าง Merlion สิงโตทะเลพ่นน้ำและอ่าวมารีน่าเบย์ แม้ว่าสถานี Chinatown Station จะไม่ได้อยู่ในสายสีเขียว East West Line ที่มาจากสนามบินแต่ก็เป็นสถานีรถไฟที่มี 2 สายที่ผ่านสถานีท่องเที่ยวสำคัญ หากพูดถึงเรื่องที่พักแล้วล่ะก็ย่านนี้ถือว่ามีความหลากหลายอย่างมากมีหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ โฮสเทลราคาถูกไปจนถึงโรงแรมระดับราคาปานกลางเปิดให้บริการมากมาย
  3. ที่พักย่านคลาร์กคีย์ (Clarke quay Zone)
    คือย่านกลางเมือง เป็นแหล่งชอปปิง ใกล้อ่าวมารีน่าเบย์
  4. ที่พักย่านบูกิส (Bugis Zone)
    หนึ่งในย่านที่คนรักศิลปะห้ามพลาดเพราะที่นี่ เป็นย่านที่โดดเด่นเรื่องงานศิลปะและสถาปัตยกรรม แถมยังมีสตรีทอาร์ตบนผนังตึกด้วยนะ ใครอยากใกล้ชิดงานศิลปะ ก็หาที่พักย่านนี้ได้เลย
  5. ที่พักย่านลิตเติ้ลอินเดีย (Little India Zone)
    ย่านนี้เป็นที่พักที่ห้อมล้อมไปด้วยสีสันแห่งวัฒนธรรมของชาวอินเดีย มีสถานที่น่าเที่ยวเยอะแยะมากมาย ทั้งถนนคนเดิน วัดแขก ร้านอาหารอินเดีย ห้างสรรพสินค้าราคาถูก และแน่นอนว่าที่พักก็ถูกและดีด้วย

แล้วการเดินทางเป็นยังไงบ้าง?

สิ่งที่คนไปเที่ยวสิงคโปร์กลับมาแล้วต้องมาเล่าให้ฟังทุกที คงหนีไม่พ้นเรื่องของการเดินทาง เพราะการเดินทางในสิงคโปร์สะดวกสบายและรวดเร็วมาก แต่ถึงจะง่ายแค่ไหน ก่อนจะไปเที่ยวก็ต้องทำการบ้านศึกษาหาข้อมูลกันสักนิด จะได้เดินทางกันได้อย่างสบายใจ โดยการเดินทางที่เป็นที่นิยมในสิงคโปร์มีอยู่ 3 วิธี ดังนี้

Visualhunt | Joey Foo

1. เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสิงคโปร์ (Singapore MRT) เป็นวิธีการเดินทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งจากนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เอง ซึ่งรถไฟใต้ดินที่เปิดให้บริการในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 6 สายด้วยกัน โดยทุกสายจะวิ่งเชื่อมต่อกันทั่วทั้งเกาะ ครอบคลุมเขตตัวเมือง โดยสามารถกดซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติได้เป็นรอบ ๆ แต่ถ้าอยากสะดวกสบายกว่านั้น แนะนำว่าใช้บัตรสำหรับชำระเงินแบบเติมเงิน อย่าง บัตร EZ-Link Card จะดีกว่า เพราะใช้ได้กับระบบขนส่งสาธารณะหลักของสิงคโปร์ได้หมด ทั้งรถไฟ รถราง และรถบัส แล้วบัตรเดียวกันนี้ยังใช้ซื้อของในบางซูเปอร์มาร์เก็ตได้อีกด้วย ซึ่งสามารถหาซื้อบัตรได้ ทั้งสนามบิน หรือสถานีรถไฟ MRT ทุกสถานี โดยราคาจะอยู่ที่ 12 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 274 บาท) แต่เราจะใช้ได้เพียง 7 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 160 บาท) เพราะมีค่าบัตรอีก 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 114 บาท) ซึ่งแนะนำว่าครั้งแรกที่ซื้อก็ให้เติมเงินเพิ่มไปอีก 10 – 15 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 230 – 340 บาท) น่าจะเพียงพอสำหรับทริปสั้น ๆ หรือการเดินทาง 4 วัน 3 คืน

ราคาเริ่มต้นของค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 0.78 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 18 บาท) ถึง 2.6 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 60 บาท) แต่ถ้าใช้เดินทางแล้ว แล้วเงินในยังบัตรเหลือก็สามารถนำไปใช้ซื้อของได้ไม่ต้องกังวล สำหรับเวลาของการให้บริการเที่ยวแรก จะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณ 5.30 น. ยาวไปจนถึงเที่ยวสุดท้ายประมาณ 24.00 น.

Visualhunt | SgTransport

2. เดินทางด้วยรถบัส ใครที่ไม่ชอบขึ้นรถเมล์ เราอยากให้ลืมไปก่อน เพราะการเดินทางโดยรถบัสในสิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งวิธีการเดินทางยอดฮิตอันดับต้น ๆ เพราะระบบการจัดการรถบัสที่ยอดเยี่ยมของสิงคโปร์ ราคาถูก มีข้อมูลบอกอย่างละเอียดว่าสายไหนไปไหน ผ่านอะไรบ้าง สายไหนกำลังจะเข้าป้าย หรือรถจะมาภายในอีกกี่นาที เรียกได้ว่าดูง่ายและสะดวกมาก รับรองว่าไม่งง ไม่หลงแน่นอน แต่การจ่ายค่าโดยสารด้วยเงินสดอาจต้องระวังหน่อย เพราะจะไม่มีเงินทอนให้ ต้องเตรียมให้พอดีเท่านั้น ดังนั้นวิธีที่เราอยากแนะนำก็คือจ่ายด้วยบัตร EZ-Link Card จะสะดวกกว่า

โดยราคาเริ่มต้นของรถบัสแบบธรรมดาอยู่ที่ 0.79 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 19 บาท)  เท่านั้น! แต่ราคาจะเพิ่มขึ้นตามระยะทางและช่วงเวลาที่มีคนใช้บริการเยอะหรือในช่วงดึก

3.เดินทางด้วยแท็กซี่ หากใครชอบความสะดวกแท็กซี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยค่าโดยสารจะคิดจากมิเตอร์ที่คิดตามระยะทางจริง แต่ค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ช่วงเย็นของปลายสัปดาห์ ช่วง 24.00 น. ถึง 6.00 น. และการเรียกจากสนามบิน ขอแนะนำว่าตรงนี้ต้องคำนวณให้ดีก่อนว่าคุ้มค่ากับการเดินทางของเราหรือไม่ และประเภทรถแท็กซี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาของค่าโดยสารแตกต่างกันออกไป

แล้วถ้าจะโทรฯ หรือใช้อินเทอร์เน็ตล่ะ ซิมการ์ดแบบไหนถึงจะเหมาะกับทริปนี้?

KKday

สำหรับเรื่องซิมการ์ด เราขอแนะนำให้เตรียมให้พร้อมก่อนออกเดินทางเลยจะดีกว่า และควรเลือกซิมการ์ดที่มีสัญญาณเสถียรและครอบคลุมทุกพื้นที่ มีการโทร ส่งข้อความ และอินเทอร์เน็ตที่พอดีกับความต้องการ แชร์อินเทอร์เน็ตได้ สามารถรับได้เลยที่สนามบิน และที่สำคัญเลยคือต้องมีราคาถูกที่สมเหตุสมผล อย่าง ซิมการ์ด 3G/4G สำหรับใช้ในสิงคโปร์  ที่ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 225 บาท โดยสามารถรับซิมการ์ดนี้ได้ที่สนามบินสิงคโปร์ก่อนออกไปเริ่มทริปได้เลย เรียกว่าสะดวกและคุ้มค่าสำหรับการเดินทางในทริปสั้น ๆ แบบนี้จริง ๆ

สามารถจองซิมสิงคโปร์ได้ที่: https://www.kkday.com/th/product/12022

เที่ยวที่ไหนในสิงคโปร์ดีล่ะ?

เรารวมได้รวมเอาไฮไลต์ของแลนด์มาร์กในสิงคโปร์มาไว้ให้เลือกถึง … สถานที่ด้วยกัน ลองมาดูกันหน่อยดีกว่าว่าทริปนี้จะมีแลนด์มาร์กไหนบ้างที่กำลังฮิตสุด ๆ ในปี 2019 นี้ แลนด์มาร์กไหนไม่ไปก็เหมือนมาไม่ถึงสิงคโปร์ มาดูกันเลย

วันที่ 1

1. เดินชม อุโมงค์ต้นไม้ยักษ์ ใน Fort Canning Park

ในเมื่อสิงคโปร์ขึ้นชื่อว่ามีพื้นที่สีเขียวเยอะ เราก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเดินเยี่ยมชมสวนสาธารณะกันสักหน่อย เพราะสวนสาธารณะใจกลางเมืองสิงคโปร์อย่าง Fort Canning Park มีอุโมงค์ต้นไม้ให้ได้ลงไปสัมผัสกับความร่มรื่น เย็นสบาย และเก็บภาพสวย ๆ กลับไป ใครที่อยากสัมผัสกับธรรมชาติหรือเดินเล่นสูดอากาศ ก็ไม่ควรพลาด

  • เวลาทำการ: เปิดตลอดเวลา
  • วิธีการเดินทาง: สถานี Clarke Quay

2. แวะกินข้าวที่บะกุ๊ดเต๋ซองฟา (Songfa Bak Kut Teh)

มาแวะเติมพลังกับร้านบะกุ๊ดเต๋ในตำนานของสิงคโปร์กันสักหน่อย เพราะเขาเปิดมากว่า 40 ปี โดยบะกุ๊ดเต๋ของมีจุดเด่นที่น้ำซุปสีใสรสชาติกลมกล่อม และความอร่อยก็ทำให้ร้านนี้โด่งดังจนมีสาขาอยู่ทั่วสิงคโปร์ และสาขา 17 New Bridge Road หรือสาขา Clark Quay ก็เป็นสาขาที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทย

  • เวลาทำการ: 9.00 น. – 21.15 น. ปิดทุกวันจันทร์
  • วิธีการเดินทาง: MRT สถานที่ Clark Quay ทางออก E

3. Merlion Park ชมการแสดงเมอร์ไลออนสีรุ้ง (Rainbow Merlion)

ถ้าไม่มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงสิงคโปร์! เพราะที่นี่คือหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของสิงคโปร์ เพราะ เมอร์ไลออน รูปปั้นที่มีลักษณะส่วนลำตัวเป็นปลาและส่วนหัวเป็นรูปสิงโตถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนน้อมถ่อมตนของสิงคโปร์ แต่จะให้มาชมตอนกลางวันแบบธรรมดา ๆ ก็กลัวจะซ้ำกับคนอื่น เราเลยอยากแนะนำให้มาตอนเย็น ๆ เพราะจะมีการแสดง เมอร์ไลออนสีรุ้ง หรือ Rainbow Merlion ที่จัดแสดงแสงสีบนตัวเมอร์ไลออนให้เป็นสีรุ้ง โดยจะมีเริ่มแสดงตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนเกือบ ๆ ถึงเที่ยงคืนของทุกวัน

  • เวลาทำการ: เปิดตลอดเวลา
  • วิธีการเดินทาง: MRT สถานี Raffles Place ทางออก Merlion

วันที่ 2

1. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสิงคโปร์ (Singapore National Museum)

ประเทศสิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่โด่งดังเรื่องพิพิธภัณฑ์ โดยความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์ของสิงคโปร์คือความพิถีพิถันและใส่ใจทุก ๆ รายละเอียดของการนำเสนอไว้เป็นอย่างดี

แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่าง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสิงคโปร์ มีส่วนที่เปิดให้เข้าชมฟรีด้วย! เพราะมีการแบ่งโซนเป็นแบบจัดแสดงแบบหมุนเวียนและถาวรเอาไว้ ในส่วนของการจัดแสดงถาวรจะเป็นการจัดแสดงเรื่องประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวสิงคโปร์ผ่านเครื่องนุ่งห่ม อาหาร ขนม ศิลปะ และวัฒนธรรมต่าง ๆ ในส่วนนี้สามารถเข้าชมได้ฟรี แต่การจัดแสดงแบบหมุนเวียนจะมีค่าเข้าชม

  • เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 10.00 น. – 19.00 น.
  • วิธีการเดินทาง: สถานี Dhoby Ghaut Station

2. เดินเล่นชิล ๆ ที่ บูกิสสตรีท (Bugis Street)

ถ้าคุณอยากเดินเล่นชิล ๆ ชิมสตรีทฟู้ดอร่อย ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของสิงคโปร์ ชอปปิงขนมนำเข้าจากญี่ปุ่นและทั่วโลก เสื้อผ้า ของที่ระลึกต่าง ๆ ในราคาที่ไม่แพง เราขอแนะนำว่าควรจด บูกิสสตรีท ไว้ในลิสต์ที่พลาดไม่ได้เลย!

  • เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 11.00 น. – 23.00 น.
  • วิธีการเดินทาง: MRT สายสีเขียว/สายสีน้ำเงิน สถานี Bugis ทางออก B

วันที่ 3

1. ชมมัสยิด Sultan Mosque  และถนนคนเดิน Arab Street

Visualhunt | UweBKK (α 77 on )

ย่าน Bugis เป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละซอย Arab Street เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่ผู้คนนิยมมาเดินเยี่ยมชม มีสินค้าของชาวอาหรับ ให้เลือกซื้อ และที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างซอย  Haji Lane ก็มีบาร์ให้นั่งชิลและเดินชมงานสตรีทอาร์ตมากมาย แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์ของย่าน Bugis ก็คือ Sultan Mosque มัสยิดโดมสีทองคำขนาดใหญ่ ที่ใครต่อใครก็ต้องแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนให้ได้ เพราะความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมสไตล์มุสลิมแห่งนี้ที่มีความตระการตาเป็นอย่างมาก

  • เวลาทำการ:
    • จันทร์ถึงอาทิตย์ เวลา 9.30 น. – 12.00 น. และ 14.00 น. – 16.00 น.
    • ศุกร์ เวลา 14.30 น. – 16.00 น.
  • วิธีการเดินทาง: MRT Bugis Station

2. ไหว้พระขอพรเจ้าแม่กวนอิม ที่ วัด Kwan Im Thong Hood Cho Temple

Visualhunt | chooyutshing

เพื่อความเป็นสิริมงคลปิดท้ายทริป เราขอพาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่วัดศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ อย่าง วัด Kwan Im Thong Hood Cho Temple เพราะวัดนี้โด่งดังมากในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในการขอพรและเสี่ยงเซียมซี ใครที่อยากแวะมาสักการะเพื่อความโชคดีและความสบายใจก็ไม่ควรพลาดเลย

  • เวลาทำการ: 6.00 น. – 18.15 น.
  • วิธีการเดินทาง: MRT Bugis ทางออก C
  • คำแนะนำ: ห้ามถ่ายรูปด้านใน

3. ร้านข้าวมันไก่ เทียน เทียน (Tian Tian Chicken Rice) สาขาศูนย์อาหาร แม็กซ์เวล (Maxwell Food Centre) ไชน่าทาวน์ (Chinatown)

นี่เป็นร้านข้าวมันไก่ชื่อดังอันดับต้น ๆ ของสิงคโปร์ที่คนไทยรู้จักกันดี โดยมีเมนูหลักเป็นข้าวมันไก่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ใครยังไม่มีโอกาสได้ลองข้าวมันไก่สไตล์สิงคโปร์แท้ ๆ ต้องห้ามพลาดเลย ไก่นุ่ม ๆ ข้าวมันหอม ๆ รอคุณอยู่!

  • เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 11.00 น. – 20.00 น.
  • วิธีการเดินทาง: ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Chinatown Station ประมาณ 600 เมตร

วันที่ 4 วันแห่งการชอปปิง

1. ชอปปิงสินค้าแบรนด์ Charles & Keith ในราคาที่ถูกกว่าแบบหาไม่ได้จากที่ไหน

ใครว่าเที่ยวแบบประหยัดจะชอปปิงไม่ได้…ในเมื่อสินค้าของแบรนด์ Charles & Keith ที่สาว ๆ รู้กันดีว่าราคาถูกกว่าที่ไทยเป็นไหน ๆ แถมยังขอคืนภาษีได้อีกด้วย ถ้าใครมีงบพอที่จะชอปก่อนกลับล่ะก็ ไม่ควรพลาดเลย เพราะมั่นใจได้เลยว่าจะได้สินค้าในราคาที่ประหยัดกว่าแน่นอน แถมชอปของแบรนด์ก็หาไม่ยากด้วย มีอยู่ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า

สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่มีเวลาน้อยหรือมากกว่านี้ ก็นำแผนเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืนของเรา ไปปรับเปลี่ยนตามใจชอบได้เลย เราหวังว่าแผนเที่ยวของเราน่าจะช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้น และจะทำให้ทริปของคุณสนุกและมีความสุขขึ้นไม่มากก็น้อย


Check-list เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์!