เมื่อนึกถึงเมืองที่เป็นแหล่งความเจริญเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน และรวบรวมเอาศิลปวัฒนธรรมแบบตะวันตกมาผสมผสานกับความเป็นเอเชียไว้ได้อย่างลงตัวล่ะก็ ‘โฮจิมินห์’ น่าจะเป็นเมืองที่ใครหลายคนนึกถึงเมื่อมาเที่ยวเวียดนาม แต่ความน่าสนใจของเวียดนามก็ไม่ได้หยุดลงเพียงแค่ที่โฮจิมินห์เท่านั้น เพราะยังมี มุยเน่ เมืองตากอากาศชายทะเลที่เป็นแลนด์มาร์กยอดฮิตที่รอให้คุณไปค้นหาเสน่ห์ของเวียดนามในแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหนมาก่อนอีกด้วย แต่ก่อนอื่นเลยหากถามว่าเที่ยวโฮจิมินห์และมุยเน่ช่วงไหนเดือนไหนดี ช่วงเดือนพฤศจิกายน – เมษายน คงจะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด เพราะจะเป็นช่วงที่ไม่มีฝนมารบกวนมากที่สุด
Visualhunt | Théo G-N
เอาล่ะ! ลองหาวันหยุดสัก 3 วัน 2 คืน เพื่อจัดทริปไปพักผ่อนที่เวียดนามกันดีกว่า ทั้งได้ไปเที่ยวชิล ๆ ชมวิวสวย ๆ แล้วก็ตระเวนชิมอาหารสไตล์เวียดนามอร่อย ๆ ที่สำคัญเลยคือเที่ยวได้เต็มที่ แต่ใช้งบไม่เยอะอย่างที่คิด และสำหรับใครที่ไม่ชอบเดินทางไกล ๆ ก็น่าจะถูกใจแน่นอน เพราะอยู่ใกล้ประเทศไทยและใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นด้วยนะ อย่างนั้นมาดูกันดีกว่าแผนเที่ยวสไตล์ KKday จะพาคุณไปตะลุยเวียดนามได้สนุกแค่ไหน แต่รับรองว่าไม่มีโดนโกง ไปไหนก็ไม่มีหลง แถมสะดวกสบายมาก ๆ เวลาเดินทาง
Visualhunt | patrikmloeff
แล้วจะมั่นใจได้ยังไงล่ะว่าจะไม่โดนโกงแน่ ๆ … คำตอบคือเราต้องทำการบ้านนิดนึง แล้วก็วางแผนให้ดีตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง
โดยการเดินทางในโฮจิมินห์จากสนามบินไปยังตัวเมืองจะมีบริการรถบัสรับส่งสนามบิน ส่วนการเดินทางในตัวเมือง เดินทางด้วยรถบัสจะค่อนข้างประหยัดและปลอดภัยกว่า แต่หากอยากเพิ่มความมั่นใจมากกว่านั้นว่าจะไม่โดยโกงแน่นอน ก็ให้จองเป็นแพ็กเกจทัวร์สำหรับ 1 วันไปเลย เพราะจะคุ้มค่า เดินทางสะดวกสบาย และปลอดภัยมากกว่า
Visualhunt | Khánh Hmoong
เรื่องของสภาพอากาศ โฮจิมินห์เป็นเมืองที่มีอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี อาจจะต้องระวังเรื่องฝน โดยฤดูฝนจะอยู่ในช่วงพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน และในช่วงธันวาคมถึงเมษายนจะเป็นช่วงที่เป็นฤดูแล้ง ส่วนช่วงไฮซีชั่นที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวเวียดนามมากที่สุด เพราะอากาศเย็นสบายที่สุด ก็จะเป็นช่วงธันวาคมถึงมกราคมนั่นเอง
วันที่ 1 สำรวจโฮจิมินห์
พิพิธภัณฑ์สงคราม > ทำเนียบการรวมชาติ > มหาวิหารนอร์เธอดาม > อาคารไปรษณีย์กลาง
Visualhunt | robjgreen
1. พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum)
สถานที่แรกที่เราจะพาไป ก็จะต้องเป็นสถานที่ที่ทำให้ได้รู้จักความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของเวียดนามกันก่อน โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เน้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสงครามเวียดนามโดยเฉพาะ มีการจัดแสดงอาวุธที่ใช้ในสมัยสงคราม แต่ไฮไลต์ก็น่าจะอยู่ที่ ภาพถ่ายแสดงเรื่องราวของสงครามในสมัยนั้น ที่แสดงถึงความโหดร้าย ความโศกเศร้า เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจและเป็นบทเรียนให้กับคนรุ่นหลัง
Visualhunt | Adam Jones, Ph.D.
2. ทำเนียบการรวมชาติ (Reunification Palace)
เดิมทีที่ทำเนียบแห่งนี้เป็นทำเนียบของอดีตประธานาธิบดีเวียดนามใต้ ที่ถูกนำมารักษาไว้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยภายในจะจัดแสดงโซนห้องทำงาน ห้องรับรองต่าง ๆ ในยุคนั้น โดยทุกสิ่งทุกอย่างถูกทิ้งไว้ให้เสมือนสภาพเดิมตั้งแต่ 30 เมษายน พ.ศ. 2509 เพราะเป็นจุดสุดท้ายของการยุติสงครามเวียดนามเหนือใต้ ซึ่งจากที่นี่สามารถเห็นทิวทัศน์อันงดงามของถนนเลหย่วน (Le Duan Boulevard) ได้เป็นอย่างดี ด้านหลังทำเนียบก็เป็นสาธารณะกงเวียดวันฮวา (Cong Vien Van Hoa) ที่มีพื้นที่สีเขียวร่มรื่นสบายตา
3. มหาวิหารนอร์เธอดาม (Notre Dame Cathedral)
อีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสวยงามเหมือนหยุดเวลาไว้เหมือนเมื่อร้อยปีที่แล้ว โดยโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่แห่งนี้ เป็นการใช้สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่ประณีตสวยงาม มีหอคอยคู่ที่สูงดูโดดเด่น จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นแลนด์มาร์กที่ใคร ๆ ก็อยากมาเยือน
4. อาคารไปรษณีย์กลาง (Saigon Post Office)
ถัดออกมาไม่ไกลนักจาก มหาวิหารนอร์เธอดาม เราก็จะเห็นอาคารไปรษณีย์ใหญ่โตที่มีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี และใช้สถาปัตยกรรม สไตล์ฝรั่งเศสที่ดูหรูหราสวยงาม โดยที่นี่ยังเปิดให้บริการอยู่ด้วย ใครที่อยากได้ของที่ระลึกหรือของฝากติดไม้ติดมือกลับไป ก็ลองไปดูร้านขายของที่ระลึกได้เลย
โดยแผนเที่ยวของวันแรกทั้งหมดนี้ เราอยากเน้นความง่าย สะดวกสบาย แล้วก็เก็บแลนด์มาร์กสำคัญ ๆ ของโฮจิมินห์บางส่วนก่อน เราเลยเลือกจอง ทัวร์ครึ่งวันในโฮจิมินห์จาก KKday ล่วงหน้าไว้ก่อน เพราะทัวร์พาเราไปได้ครบทุกที่และอยู่ในงบที่ไม่แพงเกินไปด้วย หากสนใจรายละเอียดหรืออยากจองตั๋วล่วงหน้า สามารถไปดูได้ที่: https://www.kkday.com/th/product/7867
วันที่ 2 พากินอาหารท้องถิ่นในบรรยากาศตลาดแบบชิล ๆ
ตลาดเบนถั่น > โรงละครโอเปร่า > The Cafe Apartment
Visualhunt | Mark Turner
1. ตลาดเบนถั่น (Ben Thanh Market)
เริ่มเช้าวันใหม่ด้วย ตลาดสุดคึกคัก ที่เราจะแวะมาเติมพลังด้วยอาหารท้องถิ่นกันก่อนเดินทาง โดยมีเมนูแนะนำที่ห้ามพลาดเลยก็คือ เฝอน้ำ ขนมปังฝรั่งเศสใส่ไส้ และกาแฟเวียดนามแสนอร่อย หากใครอยากเดินย่อยอาหารก็มีร้านรวงให้เลือกชมมากมายด้วย ทั้งเสื้อผ้า ของฝาก ของที่ระลึก และอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้เลือกซื้อ แนะนำว่าลองต่อราคาสักหน่อยก็ดีนะ เผื่อจะได้ราคาที่ถูกลง แต่ก็ต้องระมัดระวังกระเป๋าสตางค์หรือค่ามีค่าเวลาเดินชอปปิงด้วยล่ะ และที่นี่ก็เป็นที่เที่ยวในโฮจิมินห์ช่วงกลางคืนที่นิยมอีกจุดหนึ่ง
แฟดำVisualhunt | David McKelvey
2. โรงละครโอเปร่า (Saigon Opera House)
มาต่อกันสถานที่เก่าแก่อีกสักที่ รับรองว่าถูกใจคนอยากถ่ายรูปแน่นอน เพราะที่โรงละครโอเปร่าแห่งนี้ มีสวยงามตามแบบของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส และดูหรูหราผ่านกาลเวลาและมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มายาวนาน โดยปัจจุบันที่นี่ยังเปิดให้ใช้ชมการแสดงอยู่ และมีอุปกรณ์แสง สี เสียงที่ทันสมัย มีลานน้ำพุเปิดให้เป็นจุดพักผ่อนสำหรับชาวเมืองโฮจิมินห์เองหรือนักท่องเที่ยว และยังมีจุดถ่ายรูปโรงละครที่สวยงามอีกด้วยนะ
3. The Cafe Apartment
เอาใจคนรักคาเฟ่บ้าง นี่ถือเป็นอีกแลนด์มาร์กหนึ่งที่ฮิตมาก ๆ เลยในช่วงที่ผ่านมา เพราะด้วยการนำตึกเก่ามารีโนเวทใหม่ ให้กลายเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารและคาเฟ่ ให้ได้พักเหนื่อยเติมพลังด้วยอาหารอร่อย ๆ นั่งจิบกาแฟชิล ๆ หรือจะแวะมาถ่ายรูปแค่นั้นก็ได้ไม่ว่ากัน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่นี่สวยเป็นพิเศษ แต่เราแนะนำว่านั่งพักที่นี่ให้หายเหนื่อยเถอะ แล้วจบวันกันที่นี่ไปเลย เพราะแผนเที่ยววันต่อไปเราต้องเตรียมแรงไปตะลุย มุยเน่ กันแล้ว!
วันที่ 3 ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มุยเน่ อีกหนึ่งเสน่ห์แห่งเวียดนาม
ชมพระอาทิตย์ขึ้น > ลำธารนางฟ้า (Fairy Stream) > ทะเลทรายแดง > หมู่บ้านประมง
วันสุดท้ายเราเลือกที่จะออกจาก โฮจิมินห์ ไปยัง มุยเน่ (Mui Ne) เมืองตากอากาศริมทะเลสุดฮิตในเวียดนามใต้ เพื่อไปชมบรรยากาศของวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ทั้งบรรยากาศที่เป็นทะเล และทะเลทราย แต่ไฮไลต์ในช่วงเช้าจะอยู่ที่การไปชมพระอาทิตย์ขึ้นนี่แหละ
ขอบอกเลยว่าเดินทางง่ายมาก สะดวกสบายมาก เพราะเรามีตัวช่วยดี ๆ อย่าง วันเดย์ทัวร์ โฮจิมินห์-มุยเน่ จาก KKday ที่เตรียมทุกอย่างไว้ให้หมดเลย ขอแค่เตรียมแรงเอาไว้แล้วไปลุยกัน!
Visualhunt | wuestenigel
โดยที่แรกที่เราไปก็คือการชมพระอาทิตย์ขึ้น ก็แค่เดินไปในจุดชมวิวอย่างที่ไกด์ นำทางได้เลย ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะต้องไปจุดไหนอะไรยังไงบ้าง ขอแค่อดใจรอเท่านั้น ซึ่งเราขอบอกเลยว่าถ้าดูจากในภาพถ่ายว่าสวยแล้ว ไปชมให้ได้กับตาตัวเองเถอะ สวยกว่านั้นหลายเท่าเลย จากที่ง่วง ๆ และงัวเงียอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ เรียกว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ ที่ตัดสินใจมา
Visualhunt | Dzung Banme
เรามาต่อกันที่ ลำธารนางฟ้า (Fairy Stream) หรือแกรนด์แคนยอนแห่งเวียดนาม ที่เกิดจากภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ถูกน้ำกัดเซาะของน้ำมานานวัน จนเป็นร่องกว้าง สีของน้ำตัดสลับกับชั้นทรายสีสันสวยงาม เหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ หากมีเวลามากพอก็ลองถอดลองเท้าแล้วเดินย่ำไปตามลำธารน้ำสายเล็กก็บรรยากาศดี รู้สึกฟินไปอีกแบบเหมือนกันนะ
Visualhunt | Dzung Banme
และแล้วก็มาถึงอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เรารอคอย อย่าง ทะเลทรายสีแดงมุยเน่ (Red sand dunes Mui Ne) ทะเลททรายสีแดงสวยสมค่ำร่ำลือ แต่ที่นี่เหมาะมากสำหรับการถ่ายรูป ใครที่อยากถ่ายภาพอวดลงโซเชียลล่ะก็ไม่ควรพลาด แถมยังเหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติกด้วยนะ แต่สำหรับใครที่อยากหากิจกรรมสนุก ๆ ทำก็อย่าลืมไปเช่าแผ่นพลาสติกเพื่อสไลด์เล่นลงมาจากเนินทรายด้วยล่ะ
Visualhunt | A. Strakey
และสถานที่สุดท้ายก่อนเราจะกลับไปยังโฮจิมินห์ เราขอจบทริปนี้ด้วยการ ชมวิถีชีวิตของชาวประมงในมุยเน่กันที่ หมู่บ้านชาวประมง ( Fishing Village) ที่นี่เป็นจุดจอดพักเรือของชาวประมง วิวทิวทัศน์ที่เราได้เห็นนั้นก็จะเป็นน้ำทะเลสีสวย ตัดกับเรือที่จอดอยู่มากมาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะกับการถ่ายรูปอีกเช่นกัน แถมยังมีเรือรูปทรงแปลกตา อย่าง เรือกระด้งรูปทรงกลมที่เป็นเรือพื้นบ้านของเวียดนามให้ได้เห็นอีกด้วย รับรองว่าเรือและบรรยากาศเหล่านี้หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
สำหรับใครที่อยากไปมุยเน่แต่ไม่รู้ว่าจะวางแผนการเดินทางเองยังไงดี แต่อยากเที่ยวแบบคุ้มค่าคุ้มราคา และไม่อยากกังวลเรื่องการเดินทางล่ะก็ แนะนำให้จอง วันเดย์ทัวร์ โฮจิมินห์-มุยเน่ จาก KKday ไปเลย ถูกใจแน่นอน โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยที่: https://www.kkday.com/en/product/25356
ตามรอยแผนเที่ยวนี้ได้ด้วย:
- ซิมการ์ด 3G สำหรับใช้ในเวียดนาม (รับที่สนามบินโฮจิมินห์)
- ทัวร์ครึ่งวันเที่ยวโฮจิมินห์
- วันเดย์ทัวร์ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่มุยเน่ จากโฮจิมินห์
กิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ ในเวียดนามเหนือ!
