แน่นอนว่าทุกคนรู้จัก “โรม” ในฐานะอดีตอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่เมื่อมาเยือนที่นี่ เราจึงจะได้พบสถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามมากมาย รวมทั้งโบสถ์เกือบพันแห่งที่อยู่กระจายอยู่ทั่วเมือง แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมในสมัยโบราณ ดังนั้นใครอยากแพลนไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ไม่ง้อทัวร์ ขยับมาทางนี้เลย KKday ขอนำเสนอ 8 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดในกรุงโรม ประเทศอิตาลี จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน!

1. โคลอสเซียม (Colosseum)

อิตาลี เป็นประเทศที่รวบรวมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกไว้มากมาย นอกจากหอเอนเมืองปิซา (Pisa Tower) แล้ว โรงสนามกีฬากลางแจ้งชื่อดังขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโรมอย่าง “โคลอสเซียม” (Colosseum) ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่นี่เป็นอดีตสนามประลองที่แสนโหดเหี้ยมของเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ (Gladiator) มาเที่ยวโรมทั้งทีต้องมาชมสนามประลองของจริงของอาณาจักรโรมันอันเกรียงไกร ที่มีทั้งคุกใต้ดิน และกรงขังสัตว์ดุร้ายที่ใช้ในการประลอง

ใครไม่อยากพลาดและอยากได้บัตรฟาสแทรคไม่ต้องต่อคิว สามารถจองผ่าน KKday ได้ง่ายๆ เพียงคลิก https://www.kkday.com/th/product/19742

  • วันและเวลาเปิดทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. ไปจนถึงเวลา 19.00 น.
  • วิธีการเดินทาง:
    • เดินทางโดยรถไฟใต้ดินจากสถานี Termini line B มาที่สถานีพาราไมด์ (Piramide) ซึ่งอยู่ห่างจากโคลอสเซียม (Colosseum) ประมาณ 260 เมตร หรือจะเลือกเดินทางด้วยบัส โดยสถานีบัสที่ใกล้ที่สุดคือ ออสเตียนเซ/มัตเตอุซซี่ (Ostiense/Matteucci) ซึ่งอยู่ห่างจากโคลอสเซียม (Colosseum) ประมาณ 220 เมตรเท่านั้น

2. โรมัน ฟอรัม (Roman Forum)

มาตอกย้ำภาพแห่งความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันกันต่อ ด้วย “โรมัน ฟอรัม” (Roman Forum) หนึ่งในที่เที่ยวโรมที่ไม่ควรพลาด ชาวอิตาเลียนเรียกที่นี่ว่าโฟโรโรมาโน (Foro Romano) มองเผินๆ อาจดูเหมือนซากปรักหักพังธรรมดา แต่ทั้งเสาหิน ซุ้มประตู และวิหารที่เห็นอยู่นี้ เป็นสถานที่อันเก่าแก่ที่ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางย่านการค้า การเมือง และศาสนาของกรุงโรม หนุ่มสาวใช้เป็นที่แฮงเอาท์กันในสมัยก่อน ส่วนคอการเมืองก็ใช้ที่แห่งนี้นั่งสนทนาเรื่องปัญหาบ้านเมือง แต่สาเหตุที่ทำให้ทุกอย่างเสื่อมโทรมเช่นนี้ ก็เนื่องจากกรุงโรมเดินเข้าสู่ยุคเสื่อมถอย โรม ฟอรัมจึงถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไว้ตามสภาพ ทุกอย่างก็เริ่มผุพังและแตกหัก ไม่ได้รับการเยียวยา

ใครอยากไปเช็คอินจุดนี้ สามารถซื้อแพ็คเกจเดียวกับโคลอสเซียมได้ง่ายๆ เพียงคลิก https://www.kkday.com/th/product/19742

  • วันและเวลาเปิดทำการ: 
    • เปิดทำการทุกวัน ยกเว้น วันที่ 1.ค./ 1.ค./ 25.ค.
    • เปิดตั้งแต่ 8.30 น. แต่เวลาปิดจะแตกต่างไปตามฤดูกาล โดยจะปิดในช่วง 16.30-19.15 น.
  • วิธีการเดินทาง:
    • มีวิธีการเดินทางเช่นเดียวกับโคลอสเซียม สามารถนั่งรถไฟมาลงสถานีเดียวกันได้ เนื่องจากโรมัน ฟอรัม ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ขอแนะนำให้เดินเที่ยวในโคลอสเซียมก่อน จากนั้นค่อยเดินมาเที่ยวชมโรมัน ฟอรัม เพราะเข้าจากทางนั้นจะง่ายกว่า

3. เนินเขาพาเลติเน (Palatine Hill)

Visualhunt | Bert Kaufmann

เดินต่อมาอีกนิด จะเจอ “เนินเขาพาเลติเน” (Palatine Hill) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้บัตรเข้าชมใบเดียวกันกับโคลอสเซียมและโรมัน ฟอรัมเพื่อมาเข้าชมได้

ดูรายละเอียดบัตรเข้าชมเพิ่มเติมได้ที่  https://www.kkday.com/th/product/19742

ที่นี่มีหลายโซนน่าสนใจให้ได้เยี่ยมชมอาคาร และจิตรกรรมฝาผนังโมเสก (Mosaic) โดยบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในอดีต นอกจากนี้ยังเคยเป็นถ้ำที่อาศัยของสุนัขและฝาแฝดที่สร้างกรุงโรมในตำนาน รวมทั้งยังสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของโรมัน ฟอรัม ได้อีกด้วย

  • วันและเวลาเปิดทำการ: สามารถเข้าชมได้ทุกวัน และเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • วิธีการเดินทาง:
    • สามารถเลือกเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน Metro โดยใช้ได้ทั้ง Line A และ B โดย line A มาลงที่สถานีบาเบอร์รินี (Barberini) ส่วน line B มาลงที่สถานีโคลอสซิโอ (Colosseo) 

4. น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain)

Trevi Fountain, Rome, Italy, Fontana Di Trevi, Fountain

มาเช็คอินกันต่อที่ “น้ำพุเทรวี่” (Trevi Fountain) น้ำพุแบบบาโรก (Baroque) ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม เป็นทั้งลานน้ำพุและอนุสรณ์สถานที่จัดได้ว่าสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แถมยังขึ้นเชื่อเรื่องความเชื่อเกี่ยวการโยนเหรียญอธิษฐานที่เป็นเสน่ห์ให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมกันอีกด้วย น้ำพุสร้างเสร็จในปีค.ศ.1762 เป็นฝีมือการสรรสร้างของโจวานนิ เปาโล ปานนินิ (Giovanni Paolo Pannini) ผู้ที่สร้าง ทริเวีย สาวพรหมจารีขึ้นมา 

ในส่วนของความเชื่อนั้น เราสามารถใช้เหรียญสกุลเงินใดก็ได้ (เหรียญบาทก็ได้) จากนั้นอธิษฐานขอให้ได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง ว่ากันว่าจะต้องหันหลังแล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้าย เพื่อให้เหรียญหล่นลงไปในน้ำพุให้ได้ หากเหรียญหล่นไปใต้น้ำพุนั้นเชื่อกันว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง

ในตอนกลางวันน้ำพุแห่งนี้มีแสงอาทิตย์สาดส่องให้สวยงามสดใส ดูมีชีวิตชีวา ส่วนในยามค่ำคืนจะมีแสงของหลอดไฟจากบริเวณน้ำพุร่วมกับแสงจากดวงจันทร์เป็นตัวช่วยให้น้ำพดูงดงาม และน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก ใครที่อยากชมเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปนี้ สามารถใช้บริการทัวร์จาก KKday ได้ คลิกเลยที่ https://www.kkday.com/th/product/6622

  • วันและเวลาเปิดทำการ: สามารถเข้าชมได้ทุกวัน และเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • วิธีการเดินทาง:
    • สามารถเลือกเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน Metro Line A มาลงที่สถานีบาเบอร์รินี (Barberini) จากนั้นเดินตามป้ายบอกทาง Fontana di Trevi ไปยังน้ำพุได้เลย

5. เซนต์ปีเตอรส์ บาซิลิกา หรือ มหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter’s Basilica)

ถัดมาคือ “เซนต์ปีเตอรส์ บาซิลิกา” (St. Peter’s Basilica) ตั้งอยู่ในเขตรัฐวาติกัน เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวาติกัน และเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของคริสตจักรโรมันคาทอลิกเลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยความเชื่อที่ว่าเป็นที่ฝังร่างของนักบุญเปโตร พระสันตะปาปาองค์แรกของโรม และหลังจากนั้นนักโบราณคดีก็ได้ใช้เวลาถึง 10 ปีในการขุดค้นห้องใต้ดินภายในมหาวิหาร จนในที่สุดก็ได้มีการประกาศว่า มีการค้นพบศพนักบุญเปโตรจริงเพื่อยืนยันความเชื่อที่ยึดถือกันมายาวนาน

หากสนใจไปเช็คอินมหาวิหารแห่งนี้ สามารถไปเยี่ยมชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดนใช้แพ็คเกจเดียวกับน้ำพุเทรวี่คลิกเลย https://www.kkday.com/th/product/6622

  • วันและเวลาเปิดทำการ:
    • ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมเปิดให้บริการบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.0018.00 น. ส่วนในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนนั้น จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7.0019.00 น. กันเลยทีเดียว
  • วิธีการเดินทาง:
    • เดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน Metro line A โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีออตตาวีเอโน (Ottaviano)

6. พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museum)

ไหนๆ ก็เข้าเขตรัฐวาติกันมาแล้ว มาเช็คอินที่ “พิพิธภัณฑ์วาติกัน” (Vatican Museum) กันอีกที่ดีกว่า ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมสมบัติเก่าแก่หลายร้อยปีของวัดคาทอลิกไว้ ภายในตกแต่งสวยสะดุดตาตั้งแต่พื้นยันเพดาน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ อย่างบันไดวน ที่ถ้าหากขึ้นไปชั้นบนแล้วมองลงมา จะเห็นบันไดหมุนเกลียวไล่ระดับชั้นครบทุกชั้นอย่างสวยงาม 

  • วันและเวลาเปิดทำการ: เปิดให้บริการในวันจันทร์เสาร์ เวลา 9.00-16.00 น. และปิดในวันอาทิตย์  
  • วิธีการเดินทาง: สามารถเลือกใช้ Metro line A ในการเดินทางโดยสถานีที่ใกล้คือออตตาวีเอโน (Ottaviano) และสถานีคริปโป (Cipro) ก็ได้เช่นกัน

7. จัตุรัสนาโวน่า (Piazza Navona)

visualhunt I Bradley N. Weber

ที่เที่ยวโรมจุดที่ 7 ได้แก่ จัตุรัสนาโวน่า (Piazza Navona) หนึ่งในจัตุรัสที่จัดได้ว่าชื่อเสียงมากที่สุดและสวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทั้งน้ำพุสวยๆ ท่ามกลางอาคารที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส มีร้านอาหารมากมาย และสินค้าอาร์ตๆ อีกเพียบ รวมทั้งยังใกล้น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) อีกด้วย มาอิตาลีทั้งที พลาดที่นี่ไม่ได้นะจ๊ะ 

  • วันและเวลาเปิดทำการ: สามารถเที่ยวชมจัตุรัสได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง 
  • วิธีการเดินทาง:
    • สามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Metro line A สีแดง มาลงสถานีที่ใกล้ที่สุดซึ่งก็คือสถานีบาเบอร์รินี (Barberini) ซึ่งจะเจอน้ำพุเทรวีก่อน แล้วเดินมาต่อเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางมายังจัตุรัสนาโวน่า 

8. ตราสเตเวเร (Trastevere)

เติมเต็มทริปอิตาลีของเราให้น่าจดจำยิ่งขึ้น ด้วย ย่านตราสเตเวเร” (Trastevere) ชื่ออาจจะออกเสียงยากไปนิด แต่รับรองว่าไปแล้วติดใจแน่ ใครอยากปิดท้ายทริปของตัวเองด้วยดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศความเป็นกรุงโรม ต้องมาเช็คอินที่นี่ให้ได้ 

มีตั้งแต่ร้านอาหารสุดหรูไปจนถึงราคาที่เอื้อมถึงได้ หรือจะลองดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำ ลองเดินเลียบแม่น้ำไทเบอร์ในฝั่งตราสเตเวเร จะเป็นอีกมุมหนึ่งที่มีทั้งผับ ร้านอาหาร และตลาดนัดย่อมๆ มาเปิดแผงอยู่ คึกคักไปด้วยเสียงเพลงสนุกสนาน จะมาสวีทกันเป็นคู่ หรือฉายเดี่ยวมาก็ได้ทั้งนั้น เผลอๆ นี่อาจจะเป็นโอกาสทองให้ได้เจอหนุ่มๆ สาวๆ ที่กำลังมองหาเพื่อนใหม่อยู่เช่นกัน

  • วันและเวลาเปิดทำการ:
    • สามารถเที่ยวชมได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ขอแนะนำให้มาเที่ยวในเวลากลางคืน เหมาะกับเป็นช่วงเวลาทานมื้อค่ำมากที่สุด
  • วิธีการเดินทาง:
    • สามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Metro ได้ทั้ง line A และ B มาลงสถานีโรมา ตราสเตเวเร (Roma Trastevere)