ถ้าพูดถึงประเทศเกาหลีใต้ หนึ่งในภาพที่ใครหลายคนอาจนึกออกเป็นอันดับแรก ๆ ก็น่าจะเป็นภาพของตึกระฟ้า ย่านธุรกิจ เมืองแห่งเทคโนโลยี หรือความบันเทิงในด้านต่าง ๆ แต่ถ้าลองเขยิบออกมาจากตัวเมืองอีกสักหน่อย แล้วมีจุดหมายปลายทางไปยังเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ อย่าง เกาะเชจู ก็จะพบกับบรรยากาศที่ต่างออกไป และแฝงไปด้วยเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัว ลองจัดทริปสักทริปไปเที่ยวเชจู ก็ฟังดูน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ แล้วยิ่งถ้าได้ที่เที่ยวสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ไว้ถ่ายรูปด้วยจะมีอะไรเพอร์เฟกต์ไปกว่านี้อีกนะ วันนี้ KKday เลยจะมาอัปเดต 7 จุดเช็กอินถ่ายรูปบนเกาะเชจูแห่งปี 2019 ให้ได้ไปตามรอยกัน
1. เก็บรูปวิวธรรมชาติสวย ๆ ที่เนินเขาอาบูโอรึม (Abu-orum)
Photo via visitjeju
อาบูโอรึม (아부오름) หรือ อัพโอรึม (앞오름) เป็นเนินเขาที่อยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านซงดังรี (Songdang-ri Village) โดยความพิเศษของเนินเขาก็คือวิวที่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบนี่แหละ และแน่นอนว่าไม่ว่าจะหันไปทางไหนหรือจะเลือกถ่ายรูปจากมุมไหนก็สวยและรู้สึกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติจริง ๆ สำหรับใครที่อยากได้รูปสวย ๆ แบบชาวเกาหลีที่กำลังฮิตกันอยู่ในตอนนี้ ก็ลองเตรียมชุดปิคนิคเก๋ ๆ ติดไปสักชุด รับรองว่าได้รูปสวยสุด ๆ แน่นอน เสร็จแล้วค่อยเดินเที่ยวชมความสวยงามตามธรรมชาติอันเขียวขจีกันต่อแบบไม่ต้องกลัวเหนื่อย เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นเนินเขาที่สูงมากนัก สามารถเดินชมกันแบบสบาย ๆ และจุดที่เป็นไฮไลต์อีกจุดหนึ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือการเที่ยวชมชั้นหินตรงบริเวณปากปล่องภูเขาไฟนั่นเอง ห้ามพลาดเชียวล่ะ!
- พิกัด: Mountain 164-1, Songdang-ri, Gujwa-eup, Jeju-si, Jeju-do
- วิธีการเดินทาง: แนะนำให้นั่งแท็กซี่หรือเช่ารถส่วนตัว
สามารถอ่านคำแนะนำจากบทความ วิธีการเดินทางในเกาะเชจู! รถบัสรอบเกาะ รถบัสจากสนามบิน รวมไว้แล้วที่นี่! จาก KKday ได้ที่: https://www.kkday.com/th/blog/11601/korea-ultimate-guide-to-transportation-in-jeju-island/
2. ชมวิว นั่งชิล ถ่ายรูปสวย ๆ ริมหาด กับ Yongmeori Coast
Photo via visitjeju
Visualhunt | Kjmagnuson
พาไปเที่ยวภูเขาแล้ว เราจะพลาดทะเลได้ยังไงกัน! แต่เที่ยวริมหาดแบบเดิม ๆ ก็อาจจะน่าเบื่อไปสักหน่อย แถมรูปที่ได้ก็ซ้ำกับคนอื่นอีก เราเลยอยากแนะนำริมหาดที่มีโขดหินรูปร่างแปลกตาที่ Yongmeori Coast ให้ได้รู้จักกัน เพราะหากเดินสำรวจในแต่ละซอกแต่ละมุมก็จะเห็นว่าหินมีรูปร่างและลวดลายของชั้นหินที่ต่างกันออกไป แถมมองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นวิวทะเลสวย ๆ และน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม ยิ่งถ้าไปในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าเปิด แสงแดดอ่อน ๆ ด้วยแล้วล่ะก็ รับรองว่าถ่ายรูปออกมาสวยอย่าบอกใครเชียว
- วิธีการเดินทาง: นั่งรถบัสสาย 702 จาก Jeju Intercity Bus Terminal ลงป้าย Sanbangsan
3. ตามรอยโลเคชันถ่ายทำซีรีส์ดัง Legend of the Blue Sea ที่ Maze Land
อย่างที่เรารู้กันดีว่าเกาะเชจูเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดังมาหลายต่อหลายเรื่อง และหนึ่งในนั้นก็คือซีรีส์ยอดฮิตเมื่อ 3 ปีก่อนอย่าง Legend of the Blue Sea ที่ถ่ายทำในเขาวงกตแห่งนี้นั่นเอง โดยเสน่ห์ของเขาวงกตหินที่ยาวที่สุดในโลกนี้อยู่ที่ความยาวของทางเดินที่คดเคี้ยวไปมาถึง 5.3 กิโลเมตร แถมยังห้อมล้อมด้วยวิวทิวทัศน์จากธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นแฟนซีรีส์แล้วอยากมาตามรอยซีรีส์เรื่องนี้หรืออยากมาสัมผัสประสบการณ์สุดตื่นเต้นในเขาวงกต พร้อม ๆ กับได้ถ่ายรูปสวย ๆ กลับไปก็ไม่ควรพลาดเลย!
หากอยากเดินทางไปเที่ยวที่ Maze Land แบบง่าย ๆ และสะดวกสบาย แนะนำให้จอง บัตรเข้าใช้บริการ Maze Land จาก KKday ไว้ก่อนเลย โดยสามารถจองและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของแพ็กเกจได้ที่ https://www.kkday.com/th/product/19181
4. อยากถ่ายรูปในโลเคชันสุดย้อนยุค ต้องที่นี่เลย! พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเชจูวิลเลจ (Jeju Folk Village Museum)
หากใครอยากไปถ่ายรูปในสถานที่ย้อนยุคหน่อยล่ะก็ ต้องไม่พลาดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลย เพราะที่นี่จะทำให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีและวิถีชีวิตของชาวเกาหลีแบบดั้งเดิม พร้อม ๆ ไปกับชมการแสดงพื้นบ้าน แถมยังได้ตามรอยสถานที่ถ่ายทำซีรีส์แนวพรีเรียดเรื่องดัง อย่าง แดจังกึม อีกด้วย สำหรับใครที่อยากได้รูปถ่ายสวย ๆ แบบจัดเต็มก็ลองเช่าชุดฮันบกสักชุดไปด้วยก็น่าจะทำให้อินกับบรรยากาศยิ่งขึ้นด้วยนะ
สำหรับใครที่อยากไปเยี่ยมชมที่นี่แต่ไม่อยากเสียเวลาต่อแถวซื้อบัตรเข้าชม ก็สามารถจองบัตรล่วงหน้ากับ KKday ได้เลยที่: https://www.kkday.com/th/product/19271
- เวลาทำการ:
- เดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ เวลา 8.30 น. – 17.00 น.
- เดือนมีนาคม เวลา 8.30 น. – 17.30 น.
- เมษายน – 15 กรกฎาคม เวลา 8.30 น. – 18.00 น.
- 16 กรกฎาคม – 30 สิงหาคม เวลา 8.30 น. – 18.30 น.
- 1 – 30 กันยายน เวลา 8.30 น. – 18.00 น.
- วิธีการเดินทาง: นั่งรถบัส 121 จาก Jeju InterCity Bus Terminal ลงป้าย Folk Village Station
5. ถ่ายรูป นั่งชิล ชิมชา กับ พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลลอค (Jeju Osulloc Tea Museum)
หากใครอยากหาทั้งที่เที่ยว ที่นั่งชิล และชิมขนมอร่อย ๆ แล้วล่ะก็ ที่พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลลอคนี่แหละเรียกว่าตอบโจทย์ครบทุกแบบเลย เพราะมีทั้งไร่ชาสวย ๆ สีเขียวขจีไว้ให้ได้ถ่ายรูปกัน เสร็จแล้วก็มาพักเหนื่อยหรือนั่งชิล ชิมไอศกรีมชาเขียว เค้กโรลชาเขียว หรือเครื่องดื่มจากชาเขียวแท้ ๆ แต่ขอกระซิบหน่อยว่าที่นี่ฮิตมากทั้งจากชาวเกาหลีเองและบรรดานักท่องเที่ยว
ถ้าไม่อยากเสียเวลาต่อคิวซื้อบัตรหรือซื้อขนมนาน ๆ ก็ควรจองบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ชาโอซุลลอค พร้อมแพ็กเกจ จาก KKday ไว้ล่วงหน้าเลย โดยสามารถจองและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.kkday.com/th/product/19306
6. พาสาย Cafe Hopping ไปถ่ายรูปกับคาเฟ่ที่ฮิตที่สุดตอนนี้ อย่าง คาเฟ่ฮันราซัน (Cafe Hallasan)
View this post on Instagram
คาเฟ่นี้น่าจะถูกใจสาย Cafe Hopping ไม่เบา เพราะโลเคชันของมันตั้งอยู่ริมทะเล พอมองออกไปจากตัวคาเฟ่ก็จะเห็นชายหาดและน้ำทะเลสีฟ้าใสได้แบบไม่มีอะไรมาบดบัง เรียกว่าแค่บรรยากาศก็กินขาดแล้ว แล้วยิ่งมาดูการตกแต่งของร้านก็ยิ่งหลงรักมากขึ้นไปอีก เพราะมีเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จัดวางไว้อย่างลงตัว ดูอบอุ่นด้วยโทนสีขาว ดำ น้ำตาล และสีเขียวจากต้นไม้ที่อยู่ในร้าน แถมมีโซนภายนอกให้เราได้ไปนั่งรับลมทะเลกันอีก เรียกว่าถ้าใครตั้งใจไปถ่ายรูปไม่มีผิดหวังแน่นอน!
- เวลาทำการ: 10.00 น. – 21.00 น.
- วิธีการเดินทาง: รถบัสสาย 260 , 711-1 และ 711-2 เดินต่อ 400 เมตร
7. ถ่ายรูปสุดโรแมนติกท่ามกลางทุ่งดอกหญ้าสีชมพู ที่ Kitchen Oz
View this post on Instagram
สำหรับใครที่กำลังมองหาโลเคชันสุดโรแมนติกสำหรับถ่ายภาพคู่รัก หรือภาพโทนสีชมพูอยู่ล่ะก็ ต้องรีบไปที่นี่ให้ได้ เพราะทุ่งดอกหญ้าสีหวาน อย่าง ดอกหญ้าพิงค์มูลลี่ (Pink Muhly Grass) ที่จะบานสะพรั่งในช่วงกลางเดือนกันยายนไปจนถึงพฤศจิกายนเท่านั้น โดยในบริเวณนี้จะเป็นบริเวณของร้านอาหารและคาเฟ่สุดน่ารัก อย่าง Kitchen Oz หลังจากถ่ายรูปจนจุใจก็อย่าลืมไปแวะเติมพลังกันต่อในร้านได้เลย ขอบอกว่าในส่วนของร้านก็ตกแต่งได้น่ารักและมีมุมให้ถ่ายรูปอีกเพียบเลยด้วย
- เวลาทำการ: 11.30 น. – 20.30 น.
- วิธีการเดินทาง: รถบัสสาย Il-ju Road ฝั่งตะวันตก ลงป้าย Hanrim Park
