ทุกคนน่าจะรู้จัก ตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร (King Power Mahanakhon) กันเป็นอย่างดีแล้วในตอนนี้ ในฐานะตึกที่สูงที่สุดแห่งใหม่ของประเทศไทยที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2016 ล่าสุดเขาได้ฤกษ์เปิดจุดชมวิวชั้นดาดฟ้าอย่าง มหานคร สกายวอล์ค (Mahanakhon Skywalk) แล้ว ซึ่งไฮไลท์หลักก็คือพื้นกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลกบนความสูงกว่า 300 เมตร วันนี้ KKday จะพาไปดูว่ามันสวยงามเลอค่าแก่การไปเที่ยวชมขนาดไหน!
มหานคร สกายวอล์คเดินทางมาง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี ทางออก 3 เมื่อมาถึงแล้วก็ทำการแลกรับบัตรที่ Ticket Box บริเวณล็อบบี้ชั้น 1 กันก่อนเลย บัตร 1 ใบสามารถใช้เข้าชมวิวนานแค่ไหนก็ได้ ไม่จำกัดชั่วโมงค่ะ
โดย KKday มีบัตรเข้าชมมหานคร สกายวอล์ค ราคาพิเศษจำหน่าย สามารถสั่งซื้อผ่านทาง แอพพลิเคชั่น KKday ออนไลน์มาก่อนได้เลย แล้วเอามาแลกรับเป็นบัตรที่เคาน์เตอร์ได้เลย
จองบัตรเข้าชม Mahanakhon Skywalk คลิก >> https://www.kkday.com/th/product/20739
รับบัตรเแล้ว ก็เดินมาทางซ้ายมือเพื่อมาที่โถงทางเข้าลิฟต์ บริเวณนี้จะมีจุดตรวจร่างกายและสแกนกระเป๋าเหมือนเวลาไปสนามบินเลย ตรวจทานอย่างรอบคอบปลอดภัยแน่นอน เมื่อเดินเลยจุดตรวจมาหน่อย จะพบกับทางเดินดิจิตอลวอล (Digital Walls) ที่บนกำแพงจะมีหน้าจอบอกเล่าเรื่องราวและจุดเด่นของกรุงเทพมหานครในรูปแบบกราฟฟิคสีสันสดใส
ขึ้นลิฟต์ความเร็วสูง ที่จะพุ่งทะยานพาเราไปยังชั้น 74 ภายในเวลาแค่ 50 วินาทีเท่านั้น เป็นลิฟต์ที่เร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผนังทุกด้านในลิฟต์จะเป็นหน้าจอมัลติมีเดีย มีวิดีโอให้ดูตลอดการโดยสาร ซึ่งจะเหมือนกับว่าเราลอยล่องชมวิวไปทั่วกรุงเทพฯ
มาถึงชั้น 74 ชั้นนี้จะเป็นจุดชมวิวภายในอาคาร สามารถเดินชมวิวได้รอบ 360 องศาผ่านกระจกใสบานสูงใหญ่ มีหน้าจอแบบ Interactive คอยบอกข้อมูลสถานที่ต่างๆ ที่เราเห็นจากวิวตรงนั้นด้วย หรือจะใช้กล้องส่องทางไกลดูก็ได้เหมือนกัน
รอบๆ ชั้น 74 ก็จะมีฐานข้อมูลต่างๆ ให้เราดูชม เช่น ผังเมืองกรุงเทพฯ แบบอะครีลิค ป้ายบอร์ด fun fact เรื่องความสูงของตึกระฟ้าทั่วโลก ไปจนถึงตู้หยอดสะสมเหรียญที่ระลึกของตึกมหานคร ในราคาแค่ 40 บาทเท่านั้น
พอเดินทั่วชั้น 74 แล้ว เดินขึ้นบันไดมาที่ชั้น 75 เพื่อขึ้นลิฟต์ไปที่ไฮไลท์เด็ดของเราในวันนี้ นั่นก็คือ สกายวอล์คชั้นดาดฟ้า ตั้งอยู่บนชั้น 78 ของตึก ความพิเศษของลิฟต์นี้ก็คือ เป็นลิฟต์แก้วทรงกลม ทำให้มองเห็นวิวกันได้ตั้งแต่ตรงนี้เลย
มาถึงที่ชั้น 78 แล้วเดินลัดเลาะมาตามทางเพื่อพบกับพื้นกระจกลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ความสูง 310 เมตร คนที่ลงไปบนพื้นกระจกจะต้องสวมถุงหุ้มรองเท้าและเก็บสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายบนพื้นกระจกได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ พวงกุญแจหรืออื่นๆ และจะถ่ายภาพได้จากจุดที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งจุดที่จัดไว้นั้นรับรองว่าได้รูปสวยๆ กันทุกคนอย่างแน่นอน
ขอเตือนสักนิดสำหรับคนที่กลัวความสูง เพราะตอนก้าวขาลงไปบนกระจกนั้นเสียวไม่ใช่เล่นๆ เลยล่ะค่ะ แต่ถ้าใครรักความตื่นเต้นท้าทายแถมรูปถ่ายสวยๆ ต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลย
จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปอีกนิด เพื่อไปที่จุดชมวิว 360 องศานอกอาคาร บนจุดที่สูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร ความสูงถึง 314 เมตร มองเห็นเส้นขอบฟ้าได้ไกลสุดลูกหูลูกตา เคียงคู่กับวิวโค้งน้ำเจ้าพระยา พอได้ขึ้นมารับลมชมวิวแบบนี้ก็ทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นดีมากๆ เลย
นอกจากจุดชมวิวแล้ว บนชั้น 78 ยังมี Rooftop Bar ให้นั่งชิลล์ๆ ได้อีกด้วย มีของว่างและเครื่องดื่มทั้งมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ให้บริการ นั่งหันหน้าดูพระอาทิตย์ตกดินจากมุมนี้ สวยมากๆ
พอพระอาทิตย์ตกดิน แสงไฟยามค่ำคืนเริ่มสาดส่อง ก็จะได้บรรยากาศที่เปลี่ยนไปอีกแบบ ดูโรแมนติกขึ้นอีกเป็นกอง จะเห็นว่ามีหลายๆ คนที่เลือกมาเดทกับคนสำคัญที่ชั้นดาดฟ้าเยอะเลย เพราะได้เห็นวิวกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนแบบ 360 องศา ถ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกจะมองเห็นแสงไฟสวยๆ จากไอค่อนสยามริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
เต็มอิ่มกับวิวและบรรยากาศอันสวยงามแล้ว ขากลับลิฟต์จะจอดที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นของ King Power Duty Free ทั้งหมด ใครอยากชอปปิ้งของที่ระลึกและของแบรนด์เนมปลอดภาษีมากมายหลากหลาย ก็เชิญได้ตามสบายเลยล่ะค่ะ
สุดท้ายใครไปก็อย่าลืมปฏิบัติตามมาตรการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยของสถานที่ด้วยนะคะ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างทางสังคม และหมั่นล้างมือเพื่อการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยสำหรับตัวเราและทุกคนค่ะ
จองบัตรเข้าชม Mahanakhon Skywalk ราคาพิเศษ คลิก >>https://www.kkday.com/th/product/20739
สนใจเช่ารถเที่ยวเชียงใหม่ คลิก!!