เปิดเรื่องมาก็ขอสารภาพกันตรงๆ เลยว่าเราเป็นชาวบางกอกเกี้ยนที่ไม่เคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ SEA Life Bangkok Ocean World เลยซักครั้ง ถึงแม้จะมาเดินเที่ยวห้างพารากอนบ่อยแค่ไหน แต่ไม่เคยเดินลงไปที่ชั้น B โซนทางเข้าอควาเรี่ยมเลย

แต่ด้วยสถานการณ์ที่ถึงแม้ Choice การเที่ยวจะไม่ได้เยอะนัก แต่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ลองไปทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำเพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว เราจึงตกลงกับเพื่อนว่าจะมาเดินเล่นในสถานที่ที่ช่วงก่อน COVID-19 นั้นคับคั่งไปด้วยชาวต่างชาติมากมายแห่งนี้ ไปดูกันว่ามีดียังไง ซึ่งสปอยล์ตั้งแต่ตรงนี้เลยว่า กลายเป็นความสนุกเพลิดเพลินอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

โดยตอนแรกนั้นตั้งใจจะไปแค่อควาเรี่ยม แต่พอเสิร์ชไปเสิร์ชมา ไปเจอกับแพ็กเกจ Combo แพ็คคู่บัตร SEA Life Ocean World กับบัตร Madame Tussauds Bangkok ที่สยามดิสคัฟเวอร์รี่ด้วย เลยจัดกันไปคนละ 1 เซ็ตกับเพื่อน ไหนๆ ก็ตั้งใจจะเดินเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวแล้วก็ไปให้สุด! วันนี้เราเลยเอารีวิวของทั้งสองที่มาฝากกัน ตามไปดูกันเลยค่า~

เคาน์เตอร์จุดแลกตั๋ว sea life bangkok ocean world สยามพารากอน

มาตรการควบคุมโรคของ ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิลด์

เมื่อมาถึงห้างสยามพารากอนด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม (ไม่บอกก็น่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว) เดินเข้าห้างจากทางออก 5 จะใกล้ที่สุด เข้าประตูมาแล้วลงบันไดเลื่อนไปรัวๆ จนถึงชั้น B1 ก็จะเจอกับทางเข้าของอควาเรียม SEA Life Ocean World สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่เคาน์เตอร์บริเวณนี้เลย

แต่วันนี้เราได้ทำการจองบัตรจากแอพฯ KKday มาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก็เอา e-voucher มาแลกรับบัตรตัวจริงได้ที่เคาน์เตอร์ของการสั่งจองออนไลน์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้านั่นเอง โดยราคาที่บัตรที่ซื้อมาล่วงหน้าจะถูกกว่าหน้างานด้วยเพราะมีโปรโค้ดส่วนลดแจกอยู่ตลอด

ตามไปจองบัตรกันได้ที่นี่เลย >> คลิกโล้ด!

พอได้บัตรแล้วก็เอาไปโชว์พนักงานได้เลย และอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยของสถานที่อย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ

ตู้ปลาและปะการังขนาดใหญ่

ปลาการ์ตูนแสนน่ารัก

พอเข้ามาแล้วจะรู้เลยว่าที่นี่คนน้อยมากกกกกกกจริงๆ ซึ่งอาจเป็นข้อดีของเราที่เป็นสายถ่ายรูป เพราะไม่ต้องคอยหามุมหลบคน ยิ่งถ้าใครมากับแฟนคงได้เดินคุยเล่นหวานกันกระหนุงหนิงอย่างแน่นอน (แต่เราไปกับเพื่อนก็เลยได้ฟีลเม้าท์มอยหอยสังข์แทน) หรือถ้ามากับครอบครัวก็ยังได้

ข้างในส่วนแรกๆ จะเป็นตู้กระจกอวดโฉมน้องๆ ปลาและสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดเลย มีตั้งแต่กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก ไปจนถึงปลาอีกหลากหลายชนิด เดินดูเดินคุยกับน้องนีโม่ไปก็เพลินๆ ดี เหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยที่ไปทัศนศึกษากับเพื่อนๆ อีกครั้งเลย

ถ่ายภาพกับแมงกระพรุน

ห้องฉาย Light Projection

พอเดินเลยเข้ามาอีกนิดก็จะมาเจอกับห้องนี้ ที่สายถ่ายรูปอย่างเรากรี๊ดมาก เพราะไม่คิดว่าที่อควาเรี่ยมจะมีอะไรแบบนี้ เป็นห้องฉาย Light Projection คล้ายๆ กับที่ TeamLab โตเกียว แต่มาในธีมสัตว์โลกใต้ทะเล เช่นปลาฉลาม ปลาหมึก แมงกระพรุน ส่องแสงสวยๆ ให้ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆๆๆ

ตู้ปลาพื้นกระจก  

แต่ที่ไฮไลท์ยิ่งกว่านั้นก็คือ พื้นในห้องนี้เป็นกระจกจ้าา โดยถ้ามองลงไปจะเห็นแทงค์น้ำที่มีสัตว์ทะเลน้ำลึกอยู่มากมายเลย ทั้งปลาฉลาม และปลากระเบน เก๋มากๆ ยอมรับว่าอยู่ในห้องนี้นานพอสมควร เพราะนอกจากจะถ่ายรูปเพลินแล้ว ยังมัวแต่ตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่มีฉลามมาว่ายผ่านใต้เท้าด้วย

ทางเข้านั่งเรือท้องกระจก

เรือท้องกระจกที่ sea life ocean world

นอกจากห้อง Light Projection แล้ว ที่ Ocean World ยังมีบริการนั่งเรือท้องกระจกชมปลาในแทงค์น้ำขนาดยักษ์อีกด้วย โดยต้องชำระค่าบริการเพิ่ม 350 บาทค่า ตรงนี้เราไปไม่ได้เสียเพิ่ม แต่เท่าที่ดูน่าจะสนุกพอตัวเลย เพราะในแทงค์มีปลาเยอะมากจริงๆ ทั้งฉลาม กระเบน และปลาที่เราไม่รู้จักสายพันธุ์อีกมากมาย แต่สีสันสดใสสวยงามมากๆ ใครสนใจมาลองกันได้

ตู้ปลาชมม้าน้ำ

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ โซน Rainforest

เดินตามทางเข้ามาอีก ก็จะเป็นโซนเหมือน Rainforest ข้างทางตกแต่งด้วยน้ำตกและต้นไม้ให้ความรู้สึกดิบชื้นกว่าในโซนแรก รวมถึงสัตว์ที่นำมาจัดแสดงก็มีพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเพิ่มมาด้วย แต่ที่ติดใจที่สุดน่าจะเป็นน้องปลาเสือพ่นน้ำ ที่สามารถพ่นน้ำใส่เหยื่อให้ตกลงมาได้ ตอนเดินมาดูไม่รู้ว่าน้องคืออะไรเลยไปจ้องซะใกล้ กลายเป็นโดนน้ำกระเด็นมาใส่ด้วยเลย เรียกเสียงหัวเราะให้เพื่อนได้หนึ่งกรุบ

โซนถ่ายภาพน่ารักๆ

โซนถ่ายภาพภายในพิพิธภัณฑ์

เดินผ่านโซนป่าฝนมา ก็จะเจอกับโซนบ่อการเรียนรู้แบบ Interactive มีกิจกรรมให้ทดลองจับปลาดาวและปลิงทะเลได้ด้วยนะ ในโซนนี้ยังมีบ่อน้องเต่าทะเลสุดฉลาด และซุ้มถ่ายรูปน่ารักๆ อีกเพียบเลย ชอบอันที่เป็นโดมให้เราเอาหัวเข้าไปมาก เหมือนได้เห็นุมมองของปลาเวลาเราเอาหน้าไปส่องใกล้ๆ ตู้ ฮ่าๆๆ

เหล่าเพนกวินแสนน่ารัก กำลังว่ายน้ำเล่น

เหล่าเพนกวินน่ารักๆใน Sea Life Ocean World

ใกล้ๆ กันจะเป็นโซนของเพนกวินแอฟริกันตัวน้อยๆ น้องน่ารักมากกกกกกกกกก เราไปทันโชว์ให้อาหารพอดีด้วย คือน้องๆ ฉลาดมาก มายืนรอเจ้าหน้าที่กันเป็นระเบียบน่ารัก เดินดุ๊กดิ๊กๆ โดดน้ำ ลอยน้ำเล่นกล้องเต็มที่มาก ตรงนี้คือน่ารักจนในเจ็บจริงๆ เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าวันนึงเค้ามีโชว์ให้อาหารหลายรอบด้วยค่ะ ห้ามพลาดเลย

ตู้ปลาขนาดใหญ่ภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซีไลฟ์

ตู้ปลาขนาดยักษ์

ถัดมาจะเป็นส่วนของแทงค์น้ำขนาดยักษ์สูงถึง 7 เมตร! ที่เราสามารถนั่งมองเห็นได้ตั้งแต่พื้นจรดเพดานเลย ภายในแทงค์จะจำลองโลกใต้น้ำของมหาสมุทรเขตร้อนขึ้นมา จะมีทั้งปะการังและปลาหลากสีสันเลย

อุโมงค์ใต้น้ำยาวที่สุดในประเทศไทย

มุมถ่ายรูปกับอุโมงค์ใต้น้ำ

และแล้วก็มาถึง ไฮไลท์ของ SEA Life Bangkok นั่นก็คือ อุโมงค์ใต้น้ำ นั่นเอง! ซึ่งที่นี่เป็นอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย เดินๆ ไปก็จะมีน้องฉลามกับน้องกระเบนว่ายน้ำมาแวะเวียนทักทายอยู่บ่อยๆ 

พระอภัยมณีกับผีเสื้อสมุทรใต้น้ำที่ Sea Life

เท่านั้นยังไม่พอ ไฮไลต์ที่ทางอควาเรี่ยมภูมิใจนำเสนออีกจุดก็คือ ฉากพระอภัยมณีกับผีเสื้อสมุทรใต้น้ำ ที่เวลาชาวต่างชาติมาก็ตื่นตาตื่นใจทุกครั้งเพราะเป็นการนำเสนออควาเรี่ยมแบบผสมผสานความเป็นไทยได้ออย่างลงตัวดี 

ชมการให้อาหารปลาของนักประดาน้ำ

ปิดท้ายในส่วนของโซนอุโมงค์ใต้น้ำ ก็คือแทงค์กระจกพร้อมที่นั่งแบบ Theater ให้เราได้นั่งพักขาคุยเล่นพร้อมกับชมความสวยงามของสัตว์โลกใต้ทะเลได้อย่างเพลินๆ นอกจากนี้ยังมีรอบการแสดงให้อาหารปลาของนักประดาน้ำตรงนี้อีกด้วย

ฝูงเพนกวินมากมาย

ฝูงเพนกวินว่ายน้ำผ่านตู้กระจกขนาดยักษ์ในอควาเรียม

สุดท้ายก่อนออกจากอควาเรี่ยม จะได้พบกับแก๊งเพนกวินอีกสายพันธุ์นึง ที่คราวนี้จะเน้นไปที่การว่ายน้ำกันเป็นฝูงๆ ทั้งน่ารักทั้งเก่งเลย 

พอออกมาแล้วหันมาพูดกับเพื่อนทันทีว่า “สนุกดีเหมือนกันนะมึ-” ไม่น่าเชื่อว่าเที่ยวอควาเรี่ยมก็เพลิดเพลินได้ แถมมีอะไรให้เซอไพรส์ตลอดทางด้วย และขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าใครมาเดทคงฟินมากจริงๆ เพราะมีเวลาให้กระหนุงกระหนิงกันเยอะมากเลย 


แต่ทริปของเรายังไม่จบแค่นี้ เพราะบัตรแพ็คคู่ของเรายังมีไปชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Bangkok Madame Tussauds ได้อีก! ซึ่งก็ตั้งอยู่ไม่ไกลเลย ที่ชั้น 4 Siam Discovery เท่านั้น เดินจากพารากอน ทะลุ Siam Center ไปได้เลย

จุดเคาน์เตอร์แลกบัตรผ่านประตู

เคาน์เตอร์ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 Siam Discovery

เมื่อขึ้นมาแล้วจะเจอกับเคาน์เตอร์ทางเข้าสีแดงโดดเด่นสะดุดตามาแต่ไกล เอาบัตรแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วก็เข้าไปเจอกับคนดังจากทั่วโลกกันได้เล้ย!

หุ่นขี้ผึ้งมหาตมะ คานธี

ห้องแรกจะเป็นห้อง Leader of the World รวมหุ่นขี้ผึ้งผู้นำและคนสำคัญในประวัติศาสตร์โลกมาให้เราถ่ายรูปกระทบไหล่ พร้อมบอร์ดบอกเล่าประวัติสำคัญของคนนั้นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น มหาตมะ คานธี, เจ้าหญิงไดอาน่า, บารัค โอบาม่า เป็นต้น

หุ่นขี้ผึ้งปิกัสโซ บุคคลที่มีอัจฉริยะของโลก บุคคลที่มีอัจฉริยะภาพในด้านต่างๆ

ห้องต่อไปเป็นการรวมบุคคลที่มีอัจฉริยะภาพในด้านต่างๆ ไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปีกัสโซ จิตกรชื่อดัง โรเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก หรือแม้แต่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebbok ก็มาอยู่ที่นี่ด้วย 

หุ่นขี้ผึ้งนักฟุตบอลระดับโลก เช่น สตีเฟ่น เจอร์ราด เวย์น รูนี่

ถัดมาเป็นห้องรวมนักกีฬาระดับโลกในเกือบทุกแขนง เช่น ฟุตบอล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ยกน้ำหนัก และเทนนิส

หุ่นขี้ผึ้งไมเคิล แจ็คสัน พบกับหนุ่มๆ วง One Direction บนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว

ต่อมาเป็นโซนที่หลายๆ คนน่าจะรอคอย นั่นก็คือโซนรวมนักร้องระดับท็อปของโลก ซึ่งโวนนี้ลูกเล่นจัดเต็ม ทั้งแสง สี เสียง เริ่มกันที่ ราชาเพลงป็อปอย่าวไมเคิล แจ็กสัน ที่มาพร้อมจอ LED สร้างบรรยากาศคอนเสิร์ต หรือหนุ่มๆ วง One Direction ที่นั่งรอเราอยู่บนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว

หุ่นขี้ผึ้งจัสติน บีเบอร์ที่มาดามทุสโซหุ่นขี้ผึ้งศิลปินชื่อดังระดับโลกจุดถ่ายภาพกับเคธี่ เพอร์รี่

หุ่นจัสติน บีเบอร์วัยหนุ่ม ที่แฟนคลับต้องห้ามพลาดมากระทบไหล่ให้ได้ ตามมาด้วยคุณแม่มาดอนน่าและเลดี้กาก้า ที่ยืนคู่อยู่บนเวทีเดียวกันที่นี่ที่เดียว และปิดท้ายที่ห้องแต่งตัวของเคธี่ เพอร์รี่ แอบกระซิบว่าตรงนี้ถ่ายรูปสวยมาก เพราะเป็นแสง Beauty Light สาวๆ ห้ามพลาดเลยน้า

หุ่นขี้ผึ้งบียอนเซ่

แต่ที่เป็นไฮไลท์ส่วนตัวของเราเองคือหุ่นแม่บียอนเซ่ เพราะหนึ่ง ชอบแม่เป็นการส่วนตัว และสองที่สำคัญคือ ทางมาดามทุสโซ่เขาจำลองฉากมาให้เหมือนกับเวทีคอนเสิร์ตจริงเลย มีเปิดเสียงการแสดงสด ฉายภาพโชว์เต้น พร้อมฉากเปิดตัวแบบปังๆ แถมให้เราเข้าไปยืนหลังม่านประหนึ่งได้ Featuring กับบียอนเซ่ด้วย อันนี้สนุกมาก

หุ่นขี้ผึ้งเหล่าซุเปอร์ฮีโร่มาเวล หุ่นขี้ผึ้งสไปเดอร์แมน

จบจากโซนนักร้อง มาที่โซนซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีทั้งจาก Marvel และฮีโร่ฝั่งเอเชีย เช่น บรูซลี ซึ่งในโซนมีเกมให้เล่นด้วย เป็นฉากเขียวให้เราเข้าไปเป็นหนึ่งในตัวละครเกม Street Fighter สามารถออกท่าทางเตะต่อยสู้กับจอได้เลย ตรงนี้ก็สนุกเหมือนกัน แต่อย่าไปดูที่เพื่อนแอบถ่าย IG Story นะ เพราะท่าเราไม่เท่เหมือนอาจารย์บรูซลีเลยค่ะ ฮ่าา

โซนบอลลีวูด

ถัดมาอีกนิด เป็นโซน Bollywood หรือวงการภาพยนตร์อินเดีย โดยทั้งโซนนี้จำลองให้เหมือนกับว่าเรากำลังเดินพรมแดงเข้างานประกาศรางวัล ระหว่างทางจะมีจุดให้ถ่ายรูปคู่กับซุป’ตาร์วงการบอลลีวูด แล้วเดินมาดูรูปได้ตรงหน้าจอที่สุดริมทางเดินค่ะ

โซน A List Party พบกับดาราศิลปินชื่อดังจากฮอลลีวูด หุ่นขี้ผึ้งดารานักแสดงมากมาย โซน A List Party

สุดท้ายปิดที่โซน A List Party ที่จัดบรรยากาศเป็นงานปาร์ตี้ที่รวมเอาเหล่าเซเล็ปตัวท็อปของฮอลลีวูดมารวมกันไว้ในห้องเดียว ไม่ว่าจะเป็น เดอะร็อค, จอห์นนี่ เด็ป, วิล สมิธ, นาโอมิ แกมเบล ไปจนถึงแองเจลิน่า โจลี่ เป็นอีกหนึ่งโซนที่ถ่ายรูปถ่ายคลิปเล่นได้ขำๆ ค่ะ

ก็จบไปแล้วสำหรับรีวิว SEA Life Ocean World และ Madame Tussauds ซึ่งสิริรวมแล้วเราใช้เวลาเดินใน SEA Life Ocean World ประมาณ 2 ชั่วโมง และถ่ายรูปเล่นที่ Madame Tussauds อีกประมาณ 1 ชั่วโมง โดยสรุป นี่เป็นทริปแรกที่ลองมาเที่ยวกิจกรรมแบบ Touristy สุดๆ แต่ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ดี และสนุกกว่าที่คิดมากๆ ได้รูปกลับมาเป็นกระบุงเลย

ส่วนใครที่สนใจจอง แพ็กเกจ สามารถจองได้ที่ KKday เลย และสามารถติดตามโปรโมชั่นได้บนหน้าเว็บไซต์เลยค่ะ 

เรื่องโดย หมิว พรรณปพร


กิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ ในกรุงเทพ