สหรัฐอเมริกาน่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน สำหรับคนที่สนใจไปเที่ยวในช่วงนี้ แม้ว่าอาจจะยังต้องพบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่หากมองในแง่ดี สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจจะไม่มีคนพลุกพล่านมากเหมือนแต่ก่อน นอกจากนี้ ในหลาย ๆ รัฐยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เลือกฉีดวัคซีนจากหลายยี่ห้อที่ยังไม่เข้าไทย ทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่ายเองด้วย

แต่ก่อนจะได้ไปเที่ยว อาจต้องผ่านด่านที่เขาว่ากันว่าโหดหินอย่างการขอวีซ่าท่องเที่ยวเสียก่อน แต่ถ้ามีการเตรียมตัวที่ดี ทั้งการเตรียมเอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่าและการเตรียมตัวนัดสัมภาษณ์ให้พร้อม การขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาก็จะไม่ยากอย่างที่คิด! KKday ได้รวบรวมขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาแบบเข้าใจง่าย ครบจบในที่เดียวมาฝากทุกคนแล้วในคอนเทนต์นี้ ไปดูกันว่าการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างและมีขั้นตอนอย่างไร

  1. ข้อมูลเบื้องต้นวีซ่าเยี่ยมเยือน B-1/B-2

วีซ่าเยี่ยมเยือน ชนิด B-1/B-2 เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกาชั่วคราว โดย B-1 เป็นตัวย่อสำหรับวีซ่าเยี่ยมเยือนสำหรับผู้มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ส่วน B-2 มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว เยี่ยมเยือนญาติหรือเพื่อน การรักษาทางการแพทย์ และการเข้าร่วมงานการกุศล กิจกรรมเพื่อสังคม หรือกิจกรรมด้านการบริการ ซึ่งวีซ่า B-1 และ B-2 มักจะออกร่วมกันเป็นวีซ่าชนิด B-1/B-2

ปกติการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาแต่ละครั้งจะมีอายุสูงสุดถึง 10 ปี แต่จะได้รับอนุญาตให้พำนักในอเมริกาได้สูงสุดไม่เกินครั้งละ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตม. ไม่สามารถอยู่ยาว ๆ จนครบ 10 ปีได้ จะต้องใช้วิธีการเดินทางออกนอกประเทศแล้วกลับเข้าไปใหม่แทน

 

  1. เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาและนำมาใช้ประกอบในวันสัมภาษณ์

  • แบบฟอร์มการยื่นคำร้องวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160)
  • หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ตั้งใจจะอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 6 เดือน
  • รูปถ่ายขนาด 2×2 นิ้วที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนจำนวน 2 ใบ
  • ใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวในสกุลเงินท้องถิ่น
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • หนังสือรับรองการทำงานระบุเงินเดือนและตำแหน่งให้ชัดเจน (ภาษาอังกฤษ)

– กรณีเป็นเจ้าของกิจการ/ฟรีแลนซ์: หนังสือรับรองบริษัท รูปถ่ายร้านค้า รูปถ่ายลักษณะงาน หรือคำอธิบายลักษณะงาน/แสดงรูปถ่ายผลงาน (ภาษาอังกฤษ)

  • หลักฐานแสดงรายได้เช่นสลิปเงินเดือน 3 เดือนการชำระภาษีเอกสารครอบครองทรัพย์สินหรือธุรกิจหรือสินทรัพย์ (ถ้ามี)
  • Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือนมีจำนวนเงินที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตลอดทริปหรือหากมีไม่พอให้แสดงหลักฐานของสปอนเซอร์ที่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

– สำเนาหนังสือเดินทางพร้อมลายเซ็นต์ของสปอนเซอร์

– หนังสือรับรองจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น ที่สปอนเซอร์มีเงินฝาก

– หนังสือรับรองจากนายจ้างของสปอนเซอร์ ระบุลักษณะการจ้างงานและเงินเดือน

  • ใบจดทะเทียนสมรส (ถ้ามี)
  • ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล (ถ้ามี)
  • รายละเอียดการเดินทางและ/หรือคำอธิบายอื่นๆเกี่ยวกับการเดินทางเช่นโปรแกรมรายละเอียดการท่องเที่ยวหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน (ควรจองแบบที่ยังไม่ชำระเงินหรือคืนเงินได้กรณีวีซ่าไม่ผ่าน) การจองโรงแรมที่พัก (ควรจองแบบที่ยังไม่ชำระเงินหรือคืนเงินได้)
  • สำหรับนักเรียน/นักศึกษา: ใบรับรองการเป็นนักเรียน/นักศึกษาจากสถาบันการศึกษา และ/หรือ ผลการเรียนล่าสุด และ/หรือ ใบรับปริญญา/ใบประกาศนียบัตร และหลักฐานการสนับสนุนทางการเงินเช่น ใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือนจากธนาคาร ใบรับเงินฝากประจำ หรือหลักฐานอื่น ๆ

 

*ข้อแนะนำ

ควรมีหลักฐานที่แสดงถึงความผูกพันกับประเทศต้นทาง และแสดงให้เชื่อว่าผู้เดินทางมีความตั้งใจจะเดินทางกลับประเทศแน่นอน เช่น หลักฐานการทำงานประจำ การสมรส/มีครอบครัว เอกสารครอบครองธุรกิจ สินทรัพย์ หรือทรัพย์สิน ฯลฯ

 

  1. อัตราค่าธรรมเนียมวีซ่า

วีซ่าประเภท B ซึ่งรวมไปถึงวีซ่าท่องเที่ยว มีอัตราค่าธรรมเนียม 160 เหรียญสหรัฐ หรือ 4,960 บาท

 

  1. ขั้นตอนในการสมัครวีซ่าชั่วคราว

  • ขั้นตอนที่ 1: เข้าไปที่เว็บไซต์ustraveldocs.com/th

ศึกษารายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการยื่นคำร้องขอวีซ่าและข้อกำหนดต่าง ๆ เกี่ยวกับวีซ่าแต่ละประเภท

  • ขั้นตอนที่ 2: กรอกแบบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว (DS-160)

กรอกแบบคำร้องขอวีซ่าที่ https://ceac.state.gov/genniv/ และพิมพ์ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160

  • ขั้นตอนที่ 3: สร้างโปรไฟล์ส่วนตัว

สร้างโปรไฟล์ส่วนตัวบนเว็บไซต์ www.ustraveldocs.com/th กรอกข้อมูลประวัติส่วนตัวให้ครบถ้วน จากนั้นเลือกประเภทและที่อยู่ในการจัดส่งเล่มหนังสือเดินทางคืน

  • ขั้นตอนที่ 4: ชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำร้องขอวีซ่า/การสมัครวีซ่า

ชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำร้องขอวีซ่าในสกุลเงินท้องถิ่น (ขอคืนเงินไม่ได้ แม้จะไม่ผ่านก็ตาม) โดยการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) หรือ ชำระเป็นเงินสดได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา โดยผู้สมัครต้องพิมพ์ใบชำระค่าธรรมเนียม CGI เพื่อนำไปชำระค่าธรรมเนียมที่ธนาคาร

  • ขั้นตอนที่ 5: ทำการนัดสัมภาษณ์

เมื่อชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อย ผู้สมัครจะสามารถนัดวันสัมภาษณ์ได้หลัง 12.00 น. ของวันทำการถัดไป (ในกรณีที่ชำระด้วยเงินสด) หรือหลัง 14.00 น. ของอีก 2 วันทำการถัดไป (หากชำระโดยการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์)

  • ขั้นตอนที่ 6: เดินทางมาสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตฯ

เอกสารที่ผู้สมัครจะต้องนำมาในวันสัมภาษณ์:

  1. ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160
  2. ใบยืนยันการนัดหมายสัมภาษณ์
  3. หนังสือเดินทาง (ทั้งเล่มเก่าและปัจจุบัน)
  4. รูปถ่ายสีขนาด 2×2 นิ้วพื้นหลังสีขาวที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
  5. เอกสารที่เกี่ยวข้อง (ข้อ 2)
  • ขั้นตอนที่ 7: การส่งคืนเล่มหนังสือเดินทาง

หากสัมภาษณ์วีซ่าผ่าน ผู้สมัครจะไม่ได้รับวีซ่าทันทีในวันสัมภาษณ์ โดยผู้สมัครจะได้รับเล่มหนังสือเดินทางพร้อมกับวีซ่าโดยการจัดส่งจากทางไปรษณีย์ไทย เมื่อได้รับหนังสือเดินทางแล้ว กรุณาตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูล

 

  1. สิ่งที่ควรทำในวันสัมภาษณ์วีซ่า

ขั้นตอนการสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา

  1. มาถึงสถานทูตฯ

– เวลาที่แสดงบนจดหมายนัดคือเวลาที่ควรมาถึงหน้าสถานทูตฯ มิใช่เวลาที่จะได้รับการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล

– ผู้สมัครควรมาถึงก่อนเวลาที่นัดไว้ 15 นาที (ไม่จำเป็นต้องมาก่อนเวลานานเกินไป)

  1. ตรวจสอบความเรียบร้อยและความปลอดภัย

– ผู้สมัครจะต้องผ่านการตรวจสอบความเรียบร้อยและความปลอดภัย ได้แก่ นำสัมภาระติดตัวผ่านเครื่องสแกน เดินผ่านเครื่องสแกนวัตถุโลหะ ผู้สมัครควรนำแค่สิ่งของที่จำเป็นติดตัวมาในวันที่สัมภาษณ์

– ผู้สมัครสามารถนำโทรศัพท์มาได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น โดยจะต้องฝากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้ ทางสถานทูตฯ และพนักงานรักษาความปลอดภัยจะไม่รับผิดชอบหากเกิดการสูญหายหรือเกิดความเสียหายใด ๆ กับโทรศัพท์มือถือของท่านในขณะที่ฝากไว้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย

  1. นั่งรอเรียกตามเวลานัดสัมภาษณ์ด้านหน้าบูธ

– ยื่นหนังสือเดินทางให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำบูธ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและคืนหนังสือเดินทางมาพร้อมกับหมายเลขการจัดส่ง (แทร็กกิ้ง) ของไปรษณีย์ไทย

  1. ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่หน้าต่าง 15

– หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำบูธแล้ว ให้ผู้สมัครเข้าไปยังห้องรับรองการสัมภาษณ์ จากนั้นไปต่อแถวรอติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่หน้าต่าง 11-15

– พิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสองข้าง (4 นิ้วมือ ข้างซ้ายและขวา และ 2 นิ้วโป้ง)

  1. ยืนยันลายนิ้วมือ

– ติดต่อที่หน้าต่าง 10 เพื่อยืนยันลายนิ้วมือ

– หลังจากยืนยันลายนิ้วมือเรียบร้อย ให้ผู้สมัครไปต่อแถวรอสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล

  1. สถานที่สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา

สถานทูตและสถานกงสุลอเมริกาประจำประเทศไทยตั้งอยู่ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้

  • สถานทูตอเมริกากรุงเทพฯประเทศไทย

ที่อยู่: 95 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

โทรศัพท์: 02-205-4000

เว็บไซต์: https://th.usembassy.gov/

  • สถานกงสุลจังหวัดเชียงใหม่ประเทศไทย

ที่อยู่: 387 ถนนวิชยานนท์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300

โทรศัพท์: 053-107-700

เว็บไซต์: https://th.usembassy.gov/embassy-consulate/chiang-mai/

 

  1. ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับวีซ่า

สามารถดูข้อมูลระยะเวลารอคิวสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาได้จากเว็บไซต์ > https://travel.state.gov/content/travel/en/us-visas/visa-information-resources/wait-times.html#  ซึ่งระยะเวลาที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์จะมีการอัพเดทในทุกสัปดาห์

โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครที่ผ่านการสัมภาษณ์วีซ่าจะได้รับหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่าคืนภายใน 1 สัปดาห์หลังจากวันสัมภาษณ์ แต่การขอวีซ่าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาจต้องเผื่อเวลาไว้นานหน่อยนะคะ

 

  1. ช่องทางแนะนำในการสอบถามเกี่ยวกับการขอวีซ่า

  • กลุ่ม Facebook วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา (Tourist Visa to America)

ลิงก์ > https://www.facebook.com/groups/1181942718927131

ข้อดี: เป็นกลุ่มที่รวบรวมข้อมูลจากประสบการณ์ตรงของคนในกลุ่มเกี่ยวกับการขอวีซ่า มีคู่มือที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัว คุณสมบัติของผู้ขอวีซ่า ปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผ่านง่ายขึ้น หรืออาจทำให้ไม่ผ่านวีซ่า และมีบริการให้คำปรึกษาและช่วยยื่นวีซ่า

  • ติดต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกา

เว็บไซต์ > https://th.usembassy.gov/th/visas-th/nonimmigrant-visas-th/

ที่อยู่: แผนกกงสุล สถานทูตสหรัฐอเมริกา กรุงเทพมหานคร เลขที่ 95 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ 10330

ศูนย์ข้อมูลวีซ่า

– เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงศุกร์ 8:00 – 20:00 (ยกเว้นวันหยุด)

– โทรศัพท์: 02-105-4110 (ในประเทศไทย) / (703)-665-7349 (โทรจากสหรัฐอเมริกา)

– อีเมล์: support-thailand@ustraveldocs.com

 

 

ข้อมูลจากอ้างอิง: https://th.usembassy.gov/th/visas-th/nonimmigrant-visas-th/

https://www.ustraveldocs.com/th_th/index.html