หากจะพูดถึงสถานที่เที่ยวในเกียวโตแห่งภูมิภาคคันไซแล้ว สถานที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ ก็มักจะเป็นวัด ศาลเจ้า หรือย่านเก่าแก่ที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของเมืองเกียวโต แต่อันที่จริงแล้ว รอบๆเมืองเกียวโต ในเขตที่เป็นชานเมืองนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวบรรยากาศแบบชนบทที่มีความน่าสนใจอีกหลากหลายให้ได้ไปเยือนกัน เช่น หมู่บ้านมิยามะหรือมิยาม่า (Miyama) และหมู่บ้านโอฮาระ (Ohara) ซึ่งวันนี้ ก็จะพาไปแนะนำให้รู้จักกับหมู่บ้านมิยามะ ทางชานเมืองตอนเหนือของเกียวโตนั่นเองค่ะ
หมู่บ้านมิยามะ (ที่มา)Miyama Cho หรือหมู่บ้านมิยามะ มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า คายาบูกิ โน ซาโตะ เป็นหมู่บ้านในชนบทที่อยู่ห่างจากเกียวโตไปทางเหนือราวๆ 30 กิโลเมตร ด้วยการเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ ถือว่าค่อนข้างลำบากและต้องต่อรถหลายต่อ จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในแถบเกียวโต อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มิยามะ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้านค่ะ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของหมู่บ้านมิยามะคือ บรรยากาศของความเป็นเมืองเก่าโบราณแบบหมู่บ้านเกษตรกรรมท้องถิ่นที่มีการมุมหลังคาแบบ kayabuki หรือ บ้านหลังคาใบจากอันเป็นลักษณะเฉพาะของหมู่บ้านแห่งนี้ โดยบ้านแต่ละหลังนั้นก็เป็นบ้านที่มีการอาศัยอยู่จริง และอีกหลายหลังก็เปิดให้บริการในลักษณะโฮมสเตย์แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้มีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศของชนบทญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจริงๆ พื้นที่มิยามะประกอบด้วยหมู่บ้านเล็กๆ และชุมชนที่กระจัดกระจายไปตามทางแคบของหุบเขาที่สลับซับซ้อน สวยงามมากทีเดียว
บ้านโบราณหลังคามุงจากคายาบูกิที่มิยามะ (ที่มา)ในส่วนของการเที่ยวชมหมู่บ้านมิยามะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นสบายๆ ลัดเลาะไปตามเส้นทางของหมู่บ้านเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หรือหากสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ก็มีพิพิธภัณฑ์เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมประวัติความเป็นมาของเมืองและการมุงหลังคาแบบ kayabuki นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือด้านเกษตรกรรมในยุคโบราณจำนวนมากให้ได้ชม โดยมีทั้งพื้นที่สตูดิโอและแกลเลอรี่หลายแห่ง ซึ่งอนุญาตให้เข้าชมภายในบ้านแบบโบราณได้ด้วยนะคะ
สำหรับอาคารที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมจะเป็น พิพิธภัณฑ์ ชื่อ Kayabuki no Sato Folk Museum จุดเด่นคือมีการจัดแสดงเครื่องมือแบบดั้งเดิม และอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านตั้งแต่ยุคโบราณ ถัดไปจากบริเวณนี้ ไม่ไกลกันมากนัก ก็เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ ชื่อ Little Indigo Museum เป็นที่จัดแสดงผลงานศิลปะและสตูดิโอแสดงการย้อมสีผ้าอินดิโงะแบบดั้งเดิมของที่นี่ ไม่เพียงแค่พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีคาเฟ่บรรยากาศดี น่านั่งจิบกาแฟชิลๆ หรื่อนั่งเล่นอินเตอร์เนต จาก ซิมการ์ด Japan Docomo 7 Days Unlimited ที่สัญญาณแรงทั่วทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะในเมืองหรือชนบทอีกทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ใกล้ๆที่จอดรถนักท่องเที่ยวใช้เลือกชมเลือกซื้อกันอีกด้วยค่ะ
พิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้แบบโบราณที่มิยามะ (ที่มา)นอกจากจะไปเที่ยวแบบเดย์ทริป หรือไปเช้าเย็นกลับแล้ว ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศของการใช้ชีวิตในกระท่อม Kayabuki ก็สามารถพักค้างแรมที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้ด้วย โดยนักท่องเที่ยวจะใช้ชีวิตในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม เช่น นอนบนฟูกที่เรียกว่าฟูตอง ในห้องนอนเสื่อทาทามิ พร้อมเตาผิงที่ให้ความอบอุ่น ซึ่งแม้ว่าภายนอกตัวบ้านจะดูเก่าและโบราณ แต่ภายในก็มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยอย่างครบครัน เช่น ห้องอาบน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น ห้องน้ำรวม รวมถึงการรับประทานอาหารเมนูแบบท้องถิ่น เช่น ปลาหวาน Ayu จากแม่น้ำยูระ(Yura River) แม่น้ำที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านมิยามะนั่นเองค่ะ
กิจกรรมยอดนิยมที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง หากมีเวลามาพักค้างแรมที่มิยามะ ก็คือ กิจกรรมตกปลาหวาน Ayu หรือเดินเล่นชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำยูระ ซึ่งสามารถเดินจากจาก Kayabui no Sato ไปยัง ศูนย์ธรรมชาติและที่พัก ชื่อว่า Shizen Bunkamura Kajikaso ด้วยการเดินเท้า ราวๆ 2 กิโลเมตร และหากใครชอบกิจกรรมแนวแอดเวนเจอร์ เช่น เดินป่า ก็มีกิจกรรม เดินป่าอะชิอุ(Ashiu Forest) ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำยูระ ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามมาก เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า อย่างเช่น กวาง หมี และลิง โดยสามารถแจ้งความต้องการขอซื้อแพคเกจบริการที่ศูนย์ธรรมชาติและที่พักได้เลยนะคะ
มิยามะในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน (ที่มา)ฤดูกาลท่องเที่ยวที่อยากแนะนำเป็นพิเศษก็คือ ช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและอยากสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหิมะ ที่มิยามะ ก็มิกิจกรรมที่จัดขึ้นเฉพาะช่วงฤดูหนาวให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ อย่างเช่น กิจกรรม Light up รวมถึงการขายอาหาร ขนม เครื่องดื่มอุ่นๆ ให้รับประทานกันในยามค่ำคืนท่ามกลางหิมะโปรยปราย น่าสนุกมากเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวที่หมู่บ้านมิยามะ ก็ไม่ได้มีความน่าสนใจแค่ตอนฤดูหนาวเท่านั้น ในฤดูอื่นๆ บรรยากาศของที่นี่ก็งดงามแตกต่างกันไป ซึ่งถ้าใครไม่ชอบอากาศหนาวเกินไปหรือไม่ชอบหิมะ ก็สามารถมาเที่ยวชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูใบไม้ร่วงได้เช่นกันนะคะ
บรรยากาศงาน Light up ช่วงฤดูหนาวที่มิยามะ (ที่มา)วิธีการเดินทางไปหมู่บ้านมิยามะ โดยเริ่มต้นจากเกียวโต
- ขึ้นรถไฟสาย JR Sagono Line จากสถานีเกียวโต ไปลงที่สถานีฮิโยชิ (Hiyoshi Sta.) ใช้เวลา 45 นาที ต่อจากนั้น ให้ขึ้นรถบัสสาย Nantan Bus ไปยัง Miyama ใช้เวลา 25-60 นาที ขึ้นอยู่กับปลายทางที่ลง
- จาก Kyoto Sta. นั่ง JR Bus สายที่ไป Takao แล้วลงที่ป้าย Shuzan ใช้เวลา 90 นาที แล้วต่อรถบัส Nantan Bus ไปลง Miyama ใช้เวลา 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับปลายทางที่ลง
การเดินทางภายใน หมู่บ้านมิยามะ จะมีบริการรถบัสที่มีเส้นทางครอบคลุมทั่วพื้นที่อย่างสะดวกสบายนั่นคือ Nantan Bus และนักท่องเที่ยวก็สามารถซื้อแบบ one day bus pass ได้ด้วย อีกทั้งยังมีพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานซึ่งจะมีบริการจักรยานให้เช่าแบบเป็นวัน โดยสอบถามได้ที่ Kayabuki no Sato หรือร้านขายของที่ระลึกติดกับลานจอดรถ หรือ Shizen Bunkamura Kajikaso หรือบ้านพักในพื้นที่ที่ให้บริการสำหรับคนที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานเป็นพิเศษค่ะ