นากาโน่ (Nagano) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุ หรือภาคกลางของประเทศญี่ปุ่นบนเกาะฮอนชู สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทั้งจากฝั่งโตเกียวและฝั่งนาโกย่าค่ะ  ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสูงกับป่า และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ที่นากาโน่ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามจากธรรมชาติและวัฒนธรรมที่น่าสนใจหลายแห่ง เหมาะกับเพื่อนๆที่ชื่นชอบสถานที่ทางธรรมชาติเป็นพิเศษ อย่างเช่น 5 สถานที่ที่จะแนะนำต่อไปนี้ค่ะ


1.คามิโคจิ (Kamikochi)

ได้รับสมญานามว่า เป็นมงกุฏอัญมณี แห่งเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่นี่มีจุดชมธรรมชาติที่สวยงามมากมาย และสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เช่น จุดชมวิวอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตรที่มองเห็นความงามของแม่น้ำอาซูสะสีฟ้าอมเขียวอยู่เบื้องล่าง อีกทั้งยังมีกิจกรรมเดินป่าในคามิโคจิในช่วงฤดูร้อน หรือจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ก็จะได้พบกับสีสันของใบไม้ที่สวยงามทั่วทั้งพื้นที่

สำหรับเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวโตเกียวแล้วมีเวลาน้อย แต่อยากจะเดินทางไปนากาโน่แบบไปเช้าเย็นกลับก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ เพราะมีรถบัสตรงจากตัวเมืองถึงคามิโคจิเลย ใช้เวลาเดินทางราวๆ  5-6 ชั่วโมง หรือจะใช้เจอาร์พาสนั่งชินคันเซ็นไปนากาโน่ แล้วต่อรถไฟลงไปที่สถานี Shin-shimashima ของเมืองมัตสึโมโตะ จากนั้นก็ต่อรถบัสอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะใช้เวลาน้อยกว่าเล็กน้อย ทางที่ดีคือ ควรออกจากในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้มีเวลาเดินเที่ยวประมาณ 3-4 ชั่วโมง บริเวณสถานที่ที่เป็นไฮไลท์แล้วค่อยเดินทางกลับก็ได้นะคะ

วิธีการเดินทาง : ขึ้นรถไฟหรือรถบัสจากสถานี Matsumoto Sta.  หรือรถไฟของ Matsumoto Electric Railway ไปลงที่ สถานี Shin-Shimashima Sta. ใช้เวลา 30 นาทีแล้วต่อรถบัสไป คามิโคจิ  ใช้เวลา 1 ชั่วโมงค่ะ

2. สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park)

เป็นสวนลิงที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นแลนมาร์คอีกแห่งของนากาโน่ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ สวนลิงแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาแห่งแม่น้ำโยโคยุและมีลิงหิมะอาศัยอยู่ประมาณ 200 ตัว โดยจะอาศัยอยู่ในบ่อออนเซ็นน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งในฤดูหนาว ที่นี่จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ถึงแม้ลิงพวกนี้จะคุ้นเคยกับมนุษย์เพียงใดก็ห้ามให้อาหารมันเด็ดขาด และถ้าต้องการความสะดวกสบายยิ่งขึ้น สามารถซื้อทริป วันเดย์ทัวร์ ไปดูลิงหิมะแช่ออนเซ็น เป็นทริปที่ออกเดินทางจากโตเกียวได้ทุกวันค่ะ น่าสนใจตรงที่ นอกจากได้เที่ยวแบบสบายๆแล้ว ยังได้ทานสุกี้อร่อยๆด้วยนะคะ

เวลาเปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. มีค่าเข้าชม 500 เยน

วิธีการเดินทาง : จากสถานี Yudanaka Sta. ให้ขึ้นรถบัสไปที่ Kanbayashi Onsen หรือสถานี Nagano โดยรถบัส Yudanaka-Kanbayashi จะจอดที่ป้าย Kanbayashi Onsen ให้ลงป้ายนี้ได้เลยค่ะ

3. คารุอิซาวา (Karuizawa)

เมืองตากอากาศยอดนิยม ที่สามารถไปเที่ยวพักผ่อนได้ทุกฤดูกาล สำหรับเพื่อนๆที่อยากจะหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ๆ มาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของภูเขาอาซามะและธรรมชาติของป่ากับภูเขา และน้ำตกชิราโตะ นอกจากนี้ ยังสามารถเดินเล่น ช้อปปิ้งแบบสบายๆที่เอาท์เล็ทมอลล์ได้ด้วยเช่นกัน และด้วยความที่เป็นเมืองตากอากาศ ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมที่พัก และบ้านพักตากอากาศสไตล์ตะวันตกรวมทั้ง รีสอร์ท วิวสวยๆ ให้ได้เลือกพักค้างแรม ปั่นจักรยานกินลมชมวิว ตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น โบสถ์เซนต์พอลคาทอลิก โรงแรมมิคาซ่า ย่านช้อปปิ้งในฮารุนิเระ ที่มีของฝาก ของที่ระลึก สินค้าแบรนด์ดังมากมาย จนถึงกับได้รับสมญานามว่าเป็น ลิตเติ้ลกินซ่าแห่งนากาโน่เลยค่ะ

วิธีการเดินทาง : จากโตเกียว นั่งรถไฟชินคันเซ็นขบวน โฮคุริคุ ใช้เวลาประมาณ 75 นาทีค่ะ

4. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)

หรือปราสาทอีกาดำ ปราสาทสีดำทั้งหลังที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ตั้งของปราสาทที่มองเห็นเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง ทำให้ยิ่งดูโดดเด่นเป็นสง่ามากยิ่งขึ้น ทางด้านสถาปัตยกรรมของปราสาทแห่งนี้ ก็สวยงามด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งในฤดูกาลต่างๆก็จะได้พบกับความสวยงามของปราสาทในบรรยากาศแตกต่างกันออกไป เช่น ในฤดูหนาวก็จะถูกปกคลุมด้วยหิมะ ส่วนฤดูดอกซากุระบาน ก็รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระทั่วทั้งบริเวณเลยทีเดียว
เวลาเปิดปิด : เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.30-17.00 น. (ปิดทำการช่วงวันหยุดสิ้นปี)

วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Matsumoto เดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที หรือนั่งรถบัส Town Sneaker Northern course bus loop line ใช้เวลา 5 นาทีค่ะ

5. เมืองเก่านาราอิ (Narai-Juku)

ตั้งอยู่บริเวณเขาแอลป์ตอนเหนือ เป็นย่านเมืองเก่าตั้งแต่สมัยเอโดะ ที่รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ซึ่งครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นเมืองทางผ่านของเส้นทางโตเกียวและเกียวโต ด้านอาคารบ้านเรือน ก็สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสมัยเอโดะความสวยงาม เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูป ชมเมืองสบายๆ รวมทั้งยังมี ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกที่น่าสนใจมากมาบ บางหลังก็ตกแต่งอย่างสวยงามเหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูป โดยเฉพาะสะพานคิโซโอฮาชิ ที่ถือว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะคะ เพื่อนๆที่ชื่นชอบการถ่ายภาพไม่ควรพลาดเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์สำหรับใครที่สนใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาค้างแรมที่นี่ด้วยค่ะ

วิธีการเดินทาง : จากสถานี Kiso-Fukushima Sta. นั่งรถไฟสาย JR Chuo ไปลงสถานี Narai ได้เลยค่ะ


นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำข้างต้นแล้ว นากาโน่ ก็ยังมีที่เที่ยวสวยๆน่าสนใจอีกหลายแห่ง และที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือ อาหารท้องถิ่นที่อร่อยขึ้นชื่อของเมืองนี้ เช่น โอยากิ ลักษณะเป็นการนำแป้งโซบะมาห่อกับใส้ผักท้องถิ่นและผักดอง หรือจะเป็น โกเฮโมจิ ข้าวสวยบดห่อแท่งไม้นำมาย่างไฟ รับประทานคู่กับซอสมิโสะ ใครมาต้องลองชิมดูนะคะ!