บางครั้งธรรมชาติก็บันดาลผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังอย่างหุบผาชันที่ตั้งตระหง่านเป็นกำแพงสูงเสียดฟ้า ในขณะที่บางครั้งก็สลักเสลาประติมากรรมแท่งหินอย่างอ่อนช้อยเป็นรูปทรงพิลึกพิลั่น

รัฐยูทาห์ (Utah) รัฐทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งดินแดนที่ธรรมชาติบรรจงจับวางผลงานอันน่าทึ่งทิ้งไว้ ความงามอันน่าพิศวงทำให้หลาย ๆ คนยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่จะต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต ตามไปหาคำตอบกันว่าอะไรคือเสน่ห์ของรัฐยูทาห์ที่คนไม่เคยไปต้องไปให้ได้ ส่วนคนที่เคยไปแล้วก็อยากกลับไปซ้ำอีก?

 

 

ทำความรู้จักกับรัฐยูทาห์ (Utah)

ดินแดนแห่งความงามทางธรรมชาติและความหลากหลายทางภูมิศาสตร์

รัฐยูทาห์ (Utah) คือดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศแบบหุบผาชันหรือแคนยอนหลากสีสัน, ทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล, ป่าทึบ, ภูเขาที่ยอดปกคลุมไปด้วยหิมะ หรือประติมากรรมหินทรายที่ก่อตัวเป็นรูปทรงแปลกตาอย่างลงตัว ซึ่งล้วนถูกเนรมิตขึ้นโดยธรรมชาติทั้งสิ้น

สภาพภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันนั้น หลัก ๆ ได้รับอิทธิพลมาจากลักษณะที่ตั้งของรัฐยูทาห์ที่คาบเกี่ยวกับเขตเทือกเขาร็อกกี (Rocky Mountain), พื้นที่บางส่วนของเกรตเบซิน (Great Basin) ที่แห้งแล้งและมีสภาพทางภูมิศาสตร์บางส่วนเป็นทะเลทราย และเขตที่ราบสูงโคโลราโด (Colorado Plateau) ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นโกรกธารและหุบเหวลึก มีหน้าผาสูงชัน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แห้งแล้งและทะเลทราย ซึ่งมีสัดส่วนครอบคลุมรัฐยูทาห์มากที่สุด

ความมหัศจรรย์สรรสร้างโดยธรรมชาติทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามเกินบรรยาย ยูทาห์จึงกลายเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและการผจญภัย รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายขวัญใจช่างภาพจากทั่วโลก

สภาพภูมิอากาศของรัฐยูทาห์

มีคำกล่าวว่า “หากคุณไม่ชอบอากาศที่ยูทาห์ ให้รอสัก 5 นาที” เพราะรัฐยูทาห์เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหลากหลายรูปแบบและบางครั้งก็แปรปรวน ซึ่งได้รับอิทธิพลมากจากตำแหน่งที่ตั้งและลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่ของยูทาห์มีสภาพภูมิอากาศแบบกึ่งแห้งแล้ง (Steppe Climate) จนถึงแห้งแล้งแบบทะเลทราย (Desert Climate)ในฤดูร้อนตอนกลางวันอากาศจะอบอุ่นไปจนถึงร้อนจัด ส่วนกลางคืนอากาศจะเย็นลง ส่วนฤดูหนาวมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ในขณะเดียวกันก็มีบางพื้นที่ที่มีภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นทวีป (Humid Continental-Hot Summer) และภูมิอากาศแบบที่สูง (Highland Climate) ที่ชื้นและเย็นจนถึงหนาวจัดตลอดปี อย่างบริเวณแนวเทือกเขาหรือในเขตภูเขา

 

 

 

สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจในรัฐ Utah

The Mighty 5: ที่สุดแห่ง 5 อุทยานแห่งชาติในยูทาห์

รัฐยูทาห์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะที่เที่ยวทางธรรมชาติ หนึ่งในแลนด์มาร์คและเส้นทาง road trip ที่มีชื่อเสียงที่สุดของยูทาห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลให้ไปเยือนในแต่ละปีคือ The Mighty 5 หรืออุทยานแห่งชาติทั้ง 5 แห่งในรัฐยูทาห์ ที่เต็มไปด้วยแคนยอนและหินรูปทรงต่าง ๆ ที่สวยงามสร้างความประทับใจได้ไม่แพ้ที่ใดในโลก

อุทยานแห่งชาติไซออน (Zion National Park)

Zion National Park ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดเดินป่าและปีนเขาที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยล่ะค่ะ ไฮไลท์อยู่ที่ประติมากรรมขนาดมหึมาฝีมือธรรมชาติอย่าง Zion Canyon หุบผาลึกชันและแคบที่เกิดจากการผุพังและการกัดกร่อนของชั้นหินทรายนาวาโฮ (Navajo Sandstone) ที่ถูกแม่น้ำเวอร์จิน (Virgin River) กัดเซาะเป็นเวลายาวนานจนเกิดเป็นแคนยอนแคบที่มีผนังสีแดงชมพูอมน้ำตาลสลับไล่เฉดกันไปตามแสงที่สาดเข้ามากระทบในแต่ละช่วงของวัน

อุทยานตั้งอยู่บริเวณจุดเชื่อมต่อของของที่ราบสูงโคโลราโด, Great Basin และพื้นที่ทะเลทรายโมฮาวี (Mojave Desert) ส่งผลให้พื้นที่บริเวณอุทยานมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์สูง โดยพื้นที่อุทยานแบ่งออกเป็น 4 Life Zones คือ ทะเลทราย, ชายฝั่ง, ป่าไม้ และป่าสน ทำให้ไซออนเป็นอุทยานที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งเช่นกัน

 

อุทยานแห่งชาติสะพานหินโค้ง (Arches National Park)

อุทยานแห่งชาติสะพานหินโค้งคือดินแดนมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยสะพานหินโค้ง หรือ ซุ้มหินโค้ง ที่เป็นผลพวงมาจากการก่อตัวและการกัดกร่อนของหินทรายจนเป็นรูปทรงโค้งแปลกตาราวกับซุ้มประตูกว่า 2,000 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ เดลิเคตอาร์ค (Delicate Arch) หนึ่งในซุ้มหินโค้งธรรมชาติที่มีชื่อเสียงและสวยที่สุดในโลก

 

อุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ (Canyonlands National Park)

อุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยูทาห์ เป็นอีกหนึ่งปลายทางที่ให้คุณได้ออกสำรวจธรรมชาติท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงามหลากหลายของหุบผาลึกชัน เนินเขา และซุ้มหินโค้ง

หนึ่งในไฮไลท์ของ Canyonlands National Park คือ เขต Needles ที่มีจุดเด่นคือกลุ่มหินทรายสีแดงอมชมพูตัดกับสีขาว ลักษณะเป็นแท่งปลายยอดเรียว โผล่พ้นพื้นขึ้นมาพื้นดินเรียงรายกันนับร้อยแท่ง

 

อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน (Bryce Canyon National Park)

อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอนเปรียบเหมือนสถานที่จัดแสดงงานประติมากรรมแท่งเสาหินยอดแหลมรูปร่างแปลกประหลาดที่เรียกว่า ฮูดู (Hoodoo) และหินรูปทรงต่าง ๆ ที่ตั้งเรียงรายกันแน่นขนัดอยู่บนผืนทรายแห้งแล้ง

จุดเด่นสำคัญคือหินเหล่านี้จะเปลี่ยนเฉดสีไปเรื่อย ๆ เมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ในมุมและช่วงเวลาที่ต่างกันของวัน เป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกที่ธรรมชาติได้ฝากเอาไว้

 

อุทยานแห่งชาติแคปิตอลรีฟ (Capitol Reef National Park)

ธรรมชาติได้สร้างผลงานสุดยิ่งใหญ่เอาไว้อีกแห่งบนเปลือกโลกที่อุทยานแห่งชาติ Capitol Reef National Park รอยยับบนเปลือกโลกที่พาดผ่านพื้นที่อุทยานเกิดจาก Waterpocket Fold หรือชั้นหินคดโค้งที่มีลักษณะเป็นลอนระลอกคลื่นขนาดใหญ่และยาวครอบคลุมระยะทางถึง 160 กิโลเมตร เบื้องหลังรอยพับที่ผ่านการกัดกร่อนโดยกระแสลมและน้ำมานานนับล้านปีนั้นได้ก่อให้เกิดภูมิประเทศอันน่าทึ่งอย่างแคนยอนหลากสีสัน หินทรายทรงโดมสีขาว และหินรูปทรงต่าง ๆ

 

 

อ้างอิงข้อมูล

Utah Weather