ช่วงนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้วหลายๆคนช่วงคืนวันศุกร์-เสาร์คงเฝ้ารออยู่หน้าจอ Netflix เพื่อรอดูซีรีย์เกาหลีอย่าง Crash Landing on You ซึ่งไม่ว่าจะจบไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกย้อนไปก็ยังประทับใจสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้อยู่ดี เพราะโลเคชันสวย ๆ ที่สวิตเซอร์แลนด์ที่สุดแสนจะอลังการนั่นเอง ด้วยภูมิประเทศ ธรรมชาติ และสภาพบ้านเมือง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สวยราวกับภาพวาด หลายคนอดตามรอยเพราะหลังจากซีรีย์จบโควิดก็มาพอดี วันนี้การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาอีกครั้ง KKday เลยจะพาไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ย้อนรอยกันสักหน่อย เพื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่หาแลนด์มาร์กสวย ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์

แต่ก่อนจะพาไปเที่ยวแลนด์มาร์กที่ว่า อยากแอบบอกทริคดี ๆ ในการเตรียมตัวการเดินทางกันสักหน่อย เพราะจากประสบการณ์ลองมาแล้วว่าเวิร์กและคุ้มค่าที่สุด! กับ บัตร Swiss Travel Pass บัตรที่ทำให้ทุกการเดินทางเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะ อย่างรถไฟ รถบัส และเรือได้ไม่จำกัดได้กว่า 90 เมือง และสามารถเลือกระยะเวลาได้ตามต้องการ จะปรับให้เข้ากับระยะเวลาของทริปยังไงก็ได้ โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 3 – 15 วันติดต่อกัน 

  • แพ็กเกจวันแบบติดต่อกัน เริ่มต้นที่ 8,429 บาท 
  • แพ็กเกจวันแบบยืดหยุ่น เริ่มต้นที่ 9,565 บาท

ถ้าอยากรู้ว่า บัตร Swiss Travel Pass ไปไหนได้บ้าง คุ้มค่าแค่ไหน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองผ่าน KKday ได้ง่าย ๆ ที่นี่ เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย แลนด์มาร์กที่เป็นไฮไลต์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะมีที่ไหนน่าไปบ้าง มาดูกันเลย!

ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)

มาเริ่มที่แรกกันที่ทะเลสาบเบรียนซ์ บอกเลยว่าถ้าใครไม่เคยเห็นทะเลสาบที่น้ำเป็นสีฟ้าสวย ๆ ใส ๆ มาก่อนต้องไปที่นี่ให้ได้เลย และเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็มีธรรมชาติที่สวยงามราวกับภาพวาดขนาบอยู่รอบ ๆ แถมเรียงรายไปด้วยหมู่บ้านเล็ก ๆ ปราสาทที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ สำหรับกิจกรรมที่แนะนำว่าไม่ควรพลาดนั่นก็คือกิจกรรมล่องเรือในทะเลสาบ เพื่อชมความสวยงามและได้สัมผัสกับบรรยากาศของธรรมชาติโดยรอบนั่นเอง ในส่วนของการเดินทางไปยังทะเลสาบเบรียนซ์ก็ไม่ยาก เพราะสามารถใช้บัตร Swiss Travel Pass นั่งฟรีจากท่าเรือ Interlaken Ost ไปยังท่าเรือ Brienz ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง 

สะพานแขวนซีกริสวิล (Sigriswil Panorama Bridge)

โลเคชันถัดมาอยู่ที่สะพานซีกริสวิล สะพานแขวนทางเท้ายาวกว่า 300 เมตร โดยหน้าที่ของสะพานนี้ก็คือเป็นสะพานที่เชื่อมหมู่บ้านเข้าด้วยกัน คือหมู่บ้าน Aeschlen และ หมู่บ้าน Sigriswil ของเมืองเบิร์น โดยบนสะพานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลชมวิวที่สามารถยืนชมวิวของทะเลสาบทูน (Thun) ได้อย่างสวยงาม และมองเห็นวิวของภูเขาเบอร์นีสแอลป์ (Bernese Alps) ได้ด้วย 

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau)

จะดีแค่ไหนถ้าได้ชมวิวจากภูเขาที่สูงและสวยที่สุดในยุโรป แถมขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกโลกด้วย! แน่นอนว่าที่จุดชมวิวของยอดเขาจุงเฟราสวยเกินบรรยายจริง ๆ เพราะคุณจะได้เห็นธารน้ำแข็งธรรมชาติสุดอลังการ และในฤดูหนาวก็จะเห็นผู้คนที่มาเล่นสกี แต่ไม่ว่าจะไปฤดูไหนก็สามารถเข้าชมตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละฤดูก็สวยคนละแบบ โดยวิธีที่จะขึ้นไปชมวิวด้านบนยอดเขาได้ก็คือการนั่งรถไฟขึ้นไป แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะไปเส้นทาง Lauterbrunnen หรือ เส้นทาง Grindelwald ซึ่งทั้งสองเส้นทางจะทำให้คุณเห็นวิวสวย ๆ ไปตลอดทางแน่นอน 

นอกจากวิวสวย ๆ แล้วยังมีพิพิธภัณฑ์ ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) อุโมงค์ถ้ำน้ำแข็งให้ชมอีกด้วย 

จุดเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม First Flieger ที่ยอดเขา Grindelwald

อีกหนึ่งโลเคชันสุดโรแมนติกบนยอดเขา Grindelwald จริง ๆ แล้วที่นี่เป็นแลนด์มาร์กสำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมทั้งหลาย รวมไปถึงเป็นจุดร่อน paragliding ด้วยนั่นเอง โดยในซีรีส์ใช้โลเคชันตรงนี้ใช้ถ่ายทำฉากจบ ใครที่นึกไม่ออกว่าฉากนี้เป็นยังไง ยอดเขาสวยแค่ไหน ต้องย้อนกลับไปดูซีรีส์ก่อนไปแล้วล่ะ!

โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster)

ที่นี่เป็นโบสถ์หนึ่งในสี่โบสถ์หลักของเมืองซูริค โดยจุดเด่นคือกระจกสีขนาดใหญ่ 5 บาน ที่เรียกว่ากระจกชากาล โดยกระจกแต่ละบานแสดงถึงเรื่องราวของศาสนาคริสต์ แต่ด้านในของโบสถ์แห่งนี้จะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป เพราะฉะนั้นเก็บภาพด้านนอกเสร็จ ก็เข้าไปลุยชมด้านในให้เต็มที่ ถ้าใครอยากฟังประวัติความเป็นมาของโบสถ์และความหมายบนกระจกสี ที่นี่มีบริการ Audio-guide tour ให้เช่าด้วย แต่ไม่เสียค่าเข้าชมนะ นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีได้เลย

ทะเลสาบลุงเกิร์น (Lake Lungern)

และที่สุดท้ายขอปิดท้ายกันด้วย ทะเลสาบเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ อย่าง ทะเลสาบลุงเกิร์น และแน่นอนว่าที่นี่สวยมาก ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะจำโลเคชันจากในซีรีส์ได้แน่นอน ด้วยบรรยากาศของธรรมชาติที่สวยงาม ที่มองไปเป็นน้ำทะเลสาบสีฟ้า มีเนินเขา และเป็นทุ่งหญ้า มองไปแล้วเห็นสีฟ้ากับสีเขียวตัดกันอย่างลงตัว แถมยังมีหมู่บ้าน ร้านค้า และที่พักไว้คอยอำนวยความสะดวกเยอะแยะมากมาย ใครที่อยากตามรอยก็แนะนำว่าควรไปฤดูร้อนและห้ามพลาดแลนด์มาร์กนี้เลย!