ไหนใครอยากย้ายประเทศบ้าง? แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะย้ายไปที่ไหนดี เรามี 10 อันดับประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกมาประกอบการตัดสินใจ เพราะจากรายงานความเป็นพลเมืองโลก World Citizenship Report (WCR) โดย CS Global Partners ที่จัดอันดับประเทศที่น่าอยู่ที่สุด 10 อันดับประจำปี 2022 จาก 187 ประเทศทั่วโลก โดยใช้เกณฑ์ความปลอดภัย คุณภาพชีวิต โอกาสทางเศรษฐกิจ ความสามารถในการเดินทางไปทั่วโลก และอิสระทางการเงินของคนในประเทศ พอจะเดาได้ไหมว่าประเทศไหนจะติดอันดับบ้าง ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มดูจากอันดับ 10 กันก่อน

อันดับ 10 สิงคโร์

สิงคโปร์ หรือสาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดดเด่นเรื่องการศึกษา สาธารณสุข และความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจ มีประชากรประมาณ 5.5 ล้านคน ซึ่งมีสัญชาติของประชากรที่หลากหลาย มากกว่าครึ่งของประชากรเป็นชาวจีน มีภาษาราชการทั้งหมด 4 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษามลายู ภาษาจีนกลาง และภาษาทมิฬ  สิงคโปร์ถือเป็นชาติเป้าหมายของชาวต่างชาติที่ต้องการย้ายถิ่นฐาน และตลาดแรงงานต้องการบุคลากรที่มีทักษะสูง เพราะฉะนั้นหมั่นฝึกฝนทักษะในการทำงานของคุณไว้ให้ดี โอกาสการย้ายไปสิงคโปร์อาจเป็นของคุณ

อันดับ 9 เยอรมนี

อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศเยอรมนี มีคนไทยเลือกย้ายไปลงหลักปักฐานกันไม่น้อย เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะเยอรมนีมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น แถมยังมีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง แถมยังมีสวัสดิการสังคมที่มีคุณภาพ ระบบสาธารณสุขที่ดี กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด และระบบการศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน ทั้งยังเน้นการพัฒนาความสามารถของประชากรอีกด้วย 

อันดับ 8 ญี่ปุ่น

อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่ไม่อยากย้ายไปไกลมากก็ต้องนี่เลย ประเทศญี่ปุ่น  อย่างที่เราบอกไปแล้วว่า ญี่ปุ่นมี GDP เป็นอันดับ 3 ของโลก เพราะเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อและกำลังการผลิตสูง แถมยังก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม และอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้คนจากทั่วโลกย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นก็น่าจะเป็นเรื่องของความหลงใหลวัฒนธรรมที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกของญี่ปุ่น อย่าง อาหาร ดนตรี ภาพยนตร์ การ์ตูน อนิเมะ และวิดีโอเกม

อันดับ 7 เนเธอร์แลนด์

ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศเล็ก ๆ ที่มีความสุขและพัฒนามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เคล็ดลับแห่งความสำเร็จที่เป็นรากฐานสำคัญก็คือเนเธอร์แลนด์ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเนเธอร์แลนด์ถึงมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมยิ่งใหญ่ระดับโลกไว้มากมาย อย่าง กล้องไมโครสโคป เทปคาสเซต หรือสัญญาณ Wi-Fi แถมยังมีระบบเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง มีอุตสาหกรรมที่สำคัญ อย่าง อาหารแปรรูป เคมีภัณฑ์ การกลั่นปิโตรเลียม การบริการด้านการเงิน บันเทิง และเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ แถมยังมีท่าเรือรอตเทอร์ดาม ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปด้วย เรียกว่าเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่ธรรมดา และน่าเก็บไว้ในลิสต์จริง ๆ 

อันดับ 6 นิวซีแลนด์

หากคุณกำลังมองหาประเทศที่ปลอดภัย ก็ควรทำความรู้จักประเทศนิวซีแลนด์เอาไว้ เพราะนิวซีแลนด์ติดอันดับที่ 2 ของโลกในเรื่องของความปลอดภัยและความสงบ และแน่นอนว่าคุณภาพชีวิตของประชากรมีความมั่นคงอย่างมาก แต่ความปลอดภัยและความมั่นคงนั้นก็ตามมาด้วยค่าครองชีพที่สูง เศรษฐกิจของนิวซีแลนด์เน้นการค้าทางการเกษตร ภูมิประเทศมีความสวยงามทางธรรมชาติ แถมยังมีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมอีกด้วย ฟังแบบนี้แล้วรู้สึกว่าน่าจะหลงรักนิวซีแลนด์ได้ไม่ยาก

อันดับ 5 สวีเดน

ถ้าพูดถึงประเทศที่คุณภาพชีวิตดี๊ดี ก็ต้องมีสวีเดนติดอันดับแน่นอน เพราะประเทศสวีเดนได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Top Rank หลายด้าน อย่าง นวัตกรรม ธุรกิจ การศึกษา ความเท่าเทียม ความโปร่งใสของรัฐบาล และเป็นประเทศที่เหมาะกับผู้สูงอายุ แถมยังมีวัฒนธรรมที่เรียบง่าย ไม่มีลำดับชั้น เปิดกว้างกับการแสดงความคิดเห็น มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเท่าเทียมกัน และรักการเฉลิมฉลอง และอย่างที่รู้กันดีว่าประเทศสวีเดนมีชื่อเสียงเรื่องของเทคโนโลยี เฟอร์นิเจอร์ แฟชั่น และดนตรี นี่น่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ใกล้เคียงกับประเทศในอุดมคติของใครหลายคนอย่างแน่นอน

อันดับ 4 นอร์เวย์

ถ้าให้พูดถึงนอร์เวย์ อย่างแรกที่นึกออกเลยก็คือความสวยงามทางธรรมชาติและคุณภาพชีวิตในระดับดีเยี่ยม โดยชาวนอร์เวย์มีค่าแรงต่อวันสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก แถมยังมีสวัสดิการจากภาครัฐในระดับดีเยี่ยมด้วย แน่นอนว่ารัฐรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในเรื่องการศึกษา ไฟฟ้าน้ำประปา โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต รวมถึงบริการด้านสุขภาพต่าง ๆ เรื่องความปลอดภัยก็ถือว่ามีความปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก 

อันดับ 3 ฟินแลนด์

เมื่อมีรัฐบาลดี ภาษีของประชาชนก็จะถูกนำไปใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อภาษีถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ก็คือชาวฟินแลนด์ได้รับสวัสดิการอย่างการรักษาพยาบาลและการศึกษาฟรี ระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ น้ำประปาที่สะอาดที่สุดในโลก แถมรัฐบาลให้ความสำคัญความเท่าเทียมและความยุติธรรมด้วย 

อันดับ 2 เดนมาร์ก

อีกหนึ่งประเทศแห่งความสุข ที่ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยมจนขึ้นมาติดอันดับ 2 ในประเทศน่าอยู่นี้ เดนมาร์กขึ้นชื่อเรื่องสวัสดิการที่ดูแลในทุก ๆ ด้าน อย่างด้านสุขภาพ การศึกษา การเงิน ตั้งแต่แรกเกิดจนวันสุดท้ายของชีวิต และเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูงมาก ผู้คนมีเป็นมิตรและมีความอ่อนน้อมถ่อมตน แถมชาวเดนมาร์กยังให้ความสำคัญกับธรรมชาติและศิลปะอย่าง งานดีไซน์ต่าง ๆ อีกด้วย

อันดับ 1 สวิตเซอร์แลนด์ 

และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 เชื่อว่าหลายคนน่าจะแอบเดาถูกตั้งแต่ต้นแล้ว นั่นก็คือประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั่นเอง โดยที่มาของความน่าอยู่ที่สุดในโลก ก็น่าจะเป็นการที่ประเทศที่สวิตเซอร์แลนด์ใกล้เคียงคำว่าเพอร์เฟกต์มากที่สุดใน ณ ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจที่มีอัตราการแข่งขันและความก้าวหน้าสูงที่สุด ปราศจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา ให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างสูงสุด มีความปลอดภัยสูง การเกิดอาชญากรรมต่ำ มีการคมนาคมที่ดี มีสวัสดิการของรัฐและประกันสุขภาพที่ดี ครอบคลุมในหลาย ๆ ด้าน มีทัศนียภาพที่สวยตระการตา มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีการเมืองที่ดี เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับสิทธิ์และเสียงของประชาชน 

อ่านครบทั้ง 10 อันดับแล้ว มีประเทศไหนที่เก็บเข้าลิสต์บ้าง? แต่ถ้าโอกาสในการย้ายประเทศของคุณยังมาไม่ถึงก็อย่าเพิ่งถอดใจไป ใช้เวลาศึกษาและเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดก่อน หรือจะหาโอกาสด้วยการไปเที่ยวในประเทศที่คุณสนใจเพื่อเป็นการทำความรู้จักประเทศนั้น ๆ ประกอบการตัดสินใจ ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลย!

และถ้าคุณกำลังจะมีทริปเที่ยวในยุโรปเร็ว ๆ นี้ ก็อย่าลืมวางแผนการเดินทางด้วย บัตร Eurail Global Pass บัตรที่จะช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปของคุณคุ้มค่าและสะดวกสบาย แถมยังใช้ได้ใน 33 ประเทศทั่วยุโรป และสามารถเลือกแพ็กเกจการใช้งานได้ด้วย สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองง่าย ๆ ผ่าน KKday ได้ ที่นี่

อ้างอิง: เปิด10 อันดับประเทศน่าอยู่มากที่สุดในโลก ประจำปี 2022 แล้วไทยอยู่อันดับไหน