ถ้าเอ่ยชื่อจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) เชื่อว่าคงมีทั้งคนที่รู้สึกว่าคุ้นหูแต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน หรือบางคนก็อาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนใช่ไหมคะ  ชิมาเนะ  เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) ตั้งอยู่ถัดไปจากภูมิภาคคันไซ ทำให้สามารถเดินทางไปโดยเริ่มต้นจากสนามบินคันไซหรือโอซาก้าได้ค่ะ  มีเมืองที่อยู่ติดกัน เช่น ฮิโรชิมา ยามากูจิ และท็อตโตริ เป็นต้น ทำให้การเดินทางเข้าถึงทั้งเมืองหลักและแหล่งท่องเที่ยวตามชนบทมีความสะดวกสบาย รวมถึงเรื่องการติดต่อสื่อสาร การใช้อินเตอร์เนต ซึ่งถ้ามีซิมการ์ดมือถืออย่างเช่น ซิมการ์ด Japan Docomo 7 Days Unlimited ก็สามารถนำไปใช้ได้แบบสบายๆทั่วทุกพื้นที่ในชิมาเนะ

ชิมาเนะ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองของเหล่าเทพเจ้า เมืองแห่งโชคชะตา และเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และที่สำคัญคือทิวทัศน์ทางธรรมชาติแบบดั้งเดิมที่ยังไม่ถูกปรุงแต่ง ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้ มีความน่าค้นหาและได้รับสมญานามว่า Unfamiliar Japan  ซึ่งหัวข้อถัดไปก็จะขอแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในชิมาเนะ ดังต่อไปนี้ค่ะ

1. ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ (Izumo Taisha Grand Shrine)

ตั้งอยู่ในเมืองอิซูโมะ ทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรชิมาเนะ และด้วยความที่เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ จึงมีผู้คนมามายทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมากเยือนมากขึ้นทุกปี มีตำนานเล่าขานว่า ที่นี่คือ ที่สถิตของมหาเทพโอคุนินุชิโนะ เทพผู้สร้างแผ่นดินญี่ปุ่นและเป็นเทพแห่งความสัมพันธ์ ทำให้มีผู้คนที่มาศาลเจ้าแห่งนี้ก็เพื่อขอพรเรื่องความรักหรือชีวิตแต่งงานค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ขอพรเรื่องความรักที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นก็ว่าได้ นอกจากนี้ หอหลักของศาลเจ้ายังมีโบราณวัตถุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของโลกมากมาย และรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตลอดจนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่นับหลายร้อยปี

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR อิซูโมะชิ (Izumoshi Sta.) ให้ต่อรถบัสประจำทางหมายเลข 1 ไปลงที่ศาลเจ้าได้เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 22 นาที มีรถออกทุกๆ 30 นาที

2. ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle)

ได้ชื่อว่าเป็นสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่น และเป็น 1 ใน 12 หอคอยปราสาทที่ยังหลงเหลืออยู่ในสภาพเดิมโดยไม่มีการสร้างใหม่เพื่อทดแทนหลังเดิม ตัวปราสาทมีทั้งหมด 6 ชั้น จุดเด่นคือสถาปัตยกรรมหลังคาทรงจั่วมองดูคล้ายนกชิโดริหรือนกต้อยตีวิดกางปีก จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปราสาทชิโดริ กิจกรรมอีกอย่างที่น่าสนใจเมื่อเที่ยวปราสาทมัตสึเอะคือ การล่องเรือนำเที่ยวไปตามคูน้ำเพื่อชมทิวทัศน์รอบๆปราสาทและพื้นที่ใกล้เคียง และหากไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็มีโอกาสจะได้พบกับงานเทศกาลประจำปี พิธีมัตสึเอะ ไดเกียวเรตสึ ที่จัดขึ้นบริเวณปราสาทมัตสึเอะอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะขบวนแห่เทพเจ้าและการแสดงดนตรีพื้นเมือง เช่น กลองไทโกะ ส่วนภาคกลางคืนก็จะได้พบกับบรรยากาศการประดับโคมไฟรอบปราสาทมัตสึเอะที่งดงามมาก

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Matsue Station สามารถเดินไปที่ปราสาทได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ

3. สวนนกมัตสึเอะ (Matsue Vogel Park)

สวนแห่งนี้มีความพิเศษเฉพาะตัวตรงที่ เป็นสวนที่ถูกออกแบบมาเพื่อ รองรับทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูกาลใดก็ตาม ภายในมีจุดชมวิวกับสวนเรือนกระจกสำหรับจัดแสดง 4 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินเท้ามุงหลังคา ในสวนนี้ เพื่อนๆจะได้เพลิดเพลินไปกับการชมดอกไม้นานาพันธุ์โดยเฉพาะดอกบีโกเนียกับดอกโคมญี่ปุ่นที่บานสะพรั่งตลอดทั้งปีค่ะ นอกจากนี้ ก็ยังมีฝูงนกจำนวนมาก ที่ สวนเรือนกระจกชมนก 2 แห่ง และสถานที่อื่นๆภายในสวนที่น่าสนใจ อีกทั้งยังสามารถใช้เวลาตลอดทั้งวันไปกับการทำกิจกรรมต่างๆอย่างเพลิดเพลิน เช่น  ชมโชว์การบินผาดโผนของเหยี่ยว ดูนกเพนกวินที่แสนน่ารักเดินเล่น เล่านี้ เป็นต้น

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟอิซุโมะไทฉะแม ( Izumo Taisha-mae Sta.) ให้ต่อรถไฟสาย Ichibata Railway ไปลงที่สถานีสวนนกมัตสึเอะ (Matsue Vogel Park Sta.) ใช้เวลา 45 นาที

4. เหมืองเงินอิวามิกินซัน ( Iwami Ginzan Silver Mine)

“ซากเหมืองเงินอิวามิกินซันและภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม” แหล่งมรดกโลกที่ชิมาเนะภาคภูมิใจ ที่แห่งนี้มีเรื่องราวความเป็นมาทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ในช่วงศตวรรษที่ 16-20 ที่นี่คือแหล่งแร่เหล็กกับแร่เงินคุณภาพดีที่ขุดได้และนำออกไปขายทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออก ส่งผลให้สภาพบ้านเรือนและแหล่งเหมืองแร่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของการเป็นเมืองแห่งแร่เหล็กและแร่เงินที่เคยเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยนั้น อีกทั้งยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน เช่น เมืองโอโมริ (Omori Town)ที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวเมืองเก่า โดยมีจุดเด่นของบ้านเรือนในเมืองนี้ก็คือ กระเบื้องสีแดงที่เรียกว่า เซคิชูกาวาระ นั่นเองค่ะ

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR โอดะชิ (Odashi) ต้องต่อรถบัสไปลงที่ สถานีรถบัสโอโมริ (Omori bus stop) แล้วจากนั้นต้องเดินเท้าต่อไปเข้าไปในบริเวณเหมืองเงิน เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอะดาจิ (Adachi Museum)

ที่นี่คือสวนญี่ปุ่นที่งดงามซึ่งได้รับการยอมรับทั้งในญี่ปุ่นและในระดับโลก ความเลอค่าของที่นี่ทำให้ถูกเลือกให้เป็นอันดับ 1 ของสวนแบบญี่ปุ่นถึง 13 ปีซ้อน มีพื้นที่ราว 156,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยสวนที่หลากหลาย เช่น Dry landscape garden, The white gravel and pine garden เป็นต้น การผสมผสานระหว่างก้อนหินน้อยใหญ่ ต้นไม้ ทราย และบ่อน้ำ ที่จัดวางอย่างลงตัว ทำให้ที่นี่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 ดาวจาก มิชลินกรีนไกด์แจแปน และเดอะไกด์บลูจาปอง ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ มีการก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2513 โดยนักธุรกิจท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ อาดาจิ เซ็นโก (Adachi Zenko) เป็นที่เก็บรักษาภาพวาดของญี่ปุ่นและผลงานภาพวาดชิ้นเอกของโยโกยามา ไทคัง ผู้สร้างศิลปะญี่ปุ่นสมัยใหม่, ซากากิบาร่า ชิโฮ, งานศิลปะจากเซรามิก โดย คิตาโอจิ โรซันจิ และศิลปินท้องถิ่น คาไว คังจิโร่  โดยรายการที่จัดแสดงจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละฤดูกาลสี่ครั้งต่อหนึ่งปี  เรียกว่าเป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลยนะคะ  มีค่าเข้าชม  2,300 เยน (นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีส่วนลด 50%)

การเดินทาง : จากสถานี Matsue Station  ให้ไปลงที่สถานี Yasugi Station และจะมีรถบัสบริการรับส่งฟรีไปถึงพิพิธภัณฑ์ ทุกๆ 1 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที

อ่านมาถึงตรงนี้ เริ่มสนใจและอยากไปเที่ยวชิมาเนะกันแล้วใช่ไหมคะ ถึงชื่อจะไม่คุ้นหู แต่การเดินทางไปเที่ยวจังหวัดนี้ มีความสะดวกสบายไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ แน่นอน รับรองเลยว่าถ้าได้ไปเยือนชิมาเนะสักครั้ง จะต้องอยากกลับไปอีกหลายๆครั้งแน่นอน