ภูมิภาคคันไซแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ชื่อว่ามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และในแต่ละปีก็มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แพ้ฝั่งคันโตเลยค่ะ  เพื่อนๆหลายคนที่เคยไปเที่ยวโอซาก้ากับเกียวโตบ่อยๆ จนคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว วันนี้จะขอแนะนำจังหวัดหนึ่งในคันไซ ที่มีความหลากหลายและเหมาะกับการเดินทางไปเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆบ้าง นั่นก็คือ จังหวัดวากายามะ

ออนเซ็น หนึ่งในของดีแห่งวากายามะ

วากายามะ (Wakayama-shi) เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคันไซ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรคิอิ ซึ่งเป็นคาบสมุทรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างหลากหลาย ทั้งภูเขา แม่น้ำ บ่อออนเซ็น แหล่งมรดกโลก รวมทั้งเมืองตากอากาศและเมืองชายทะเล สามารถเดินทางมาเที่ยวได้อย่างสะดวกโดย บัตร JR West – Kansai Area ภูมิภาคคันไซ โดยเริ่มต้นจากโอซาก้า เกียวโต หรือนาราก็ได้นะคะ

บรรยากาศที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงอีกอย่างของวากายามะคือ การเป็นดินแดนแห่งการเดินแสวงบุญหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางความเป็นชนบท ที่อบอุ่น สงบ เรียบง่าย เป็นกันเอง นี่คือเสน่ห์เฉพาะตัวที่เหมาะกับการมาท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะ สถานที่และกิจกรรมที่จะแนะนำดังต่อไปนี้ค่ะ

“โอยุโนะฮาระ” (Ooyunohara) เป็นโทริอิหรือประตูทางเข้าสู่ศาลเจ้าต้นใหญ่ยักษ์ความสูงประมาณ 34 เมตร กว้าง 42 เมตร มีน้ำหนักถึง 172 ตัน และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองฮอนงู จังหวัดวากายามะ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางท้องทุ่ง ห่างจากศาลเจ้าคุมะโนะฮอนงูไทฉะ ไปประมาณ 500 เมตร

โอยุโนะฮาระ (Ooyunohara)

แต่เดิม ด้านหลังโทริอิต้นนี้เคยเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าคุมะโนะฮอนงูไทฉะ แต่เนื่องจากเกิดเหตุภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ.1889 ทำให้ตัวศาลเจ้าถูกน้ำซัดจมหายไป ต่อมาจึงมีการย้ายสถานที่ตั้งตัวศาลเจ้าและทำการบูรณะซ่อมแซมใหม่กลายเป็นศาลเจ้าคุมะโนะฮอนงูไทฉะ ในปัจจุบัน

ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว UNSEEN แห่งหนึ่งในวากายามะ ที่บอกได้เลยว่ามาเยือนแล้วจะสัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นของธรรมชาติและแนวต้นสนที่ทอดตัวยาว จรดกับริมแม่น้ำ โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนมีนาคม ก็จะได้พบกับบรรยากาศของเทศกาลดอกซากุระบานด้วยค่ะ

อีกมุมหนึ่งของ “โอยุโนะฮาระ” โทริอิที่ใหญ่ที่สุดในโลก

การเดินทาง : ให้นั่งรถประจำทางจากสถานี JR Kii-Katsuura Sta. ไปลงที่ป้าย Ooyunohara แล้วเดินเท้าต่ออีกประมาณ 15 นาทีค่ะ

มาต่อกันที่ กิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ กับการล่องเรือ โดะโระเคียว (Dorokyo Water Jet)โดยเรือลำนี้จะพาล่องเลาะผ่านเขตแดนสามจังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดวากะยามะ จังหวัดมิเอะและจังหวัดนาระ ชมโขดหินรูปทรงแปลกตา แถมหลังคาเรือยังเปิดได้เพื่อให้นักท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ได้อย่างเต็มตาเมื่อมาถึงช่องแคบโดะโระเคียว ซึ่งจะได้พบกับทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงามมาก อีกทั้งยังถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น

ล่องเรือ โดะโระเคียว (Dorokyo Water Jet) ในฤดูหนาว

และหุบเขาแห่งนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำคิตายามะ ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “Dorohaccho”  เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามตามธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดจริงๆค่ะ เพื่อนๆสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของหน้าผา รวมถึงโขดหินที่มีรูปร่างแบบต่าง ๆ ด้วยการล่องเรือสปีดโบ๊ทเที่ยวชมหุบเขา เป็นเวลาเที่ยวละ  1ชั่วโมงต่อรอบค่ะ นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงก็มีทั้งร้านอาหาร คอฟฟี่ช็อป ร้านขายของที่ระลึก ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจหรือเลือกซื้อของก่อนกลับด้วยนะคะ

หุบเขาที่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำคิตายามะ

เวลาเปิดปิด : ตั้งแต่ 08.30 – 14.30 น.

การเดินทาง : เดินทางมาที่ท่าเรือชิโกะ (ต้นทาง) โดยการนั่งรถบัสจากสถานีชินงู (Shingu) ลง ป้ายชิโกะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ

ปิดท้ายกันที่ การเปิดประสบการณ์ชิมเหล้าบ๊วยและเที่ยวชมโรงกลั่นเหล้าชื่อดังในวากายามะ นั่นก็คือ โรงกลั่นเหล้าสาเกอันเก่าแก่นะคะโนะ บีซี  ตั้งอยู่ที่ย่านฟุจิชิโร เมืองไคนัน  ซึ่งเพื่อนๆ จะได้เยี่ยมชมทั้งสถานที่และชิมเหล้าหลากหลายชนิดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ  แต่ถ้าจ่ายค่าบำรุงสักเล็กน้อย (ประมาณ 2,700 เยน) ก็จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมเวิร์คช็อปเพื่อเรียนรู้วิธีการทำเหล้าบ๊วย อุเมะชึ หรือน้ำบ๊วย ด้วยนะคะ น่าสนใจมากเลย  สำหรับโรงกลั่นสาเกและเหล้าบ๊วยแห่งนี้  เป็นโรงบ่มเหล้าบ๊วยทะรุจิโคะมิ  อุเมะชึ  ฮยะโคะยะคุ ในถังไวน์ที่ทำมาจากต้นบ๊วยนันโกะ อุเมะ อันเลื่อล้างลือและมีชื่อเสียง ที่สำคัญคือเหล้าชนิดนี้ไม่ได้กลั่นด้วยวิธีทั่วไป แต่ใช้เวลาบ่มถึง 3  ปี ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ เหรสหวานผสมรสบ๊วยอร่อยชื่นใจ กลายเป็นของฝากยอดนิยมที่ใครมาเที่ยววากายามะ ก็ต้องหาซื้อเหล้าบ๊วยติดไม้ติดมือกลับไปให้ได้นั่นเองค่ะ

เหล้าบ๊วย ของฝากที่มีชื่อเสียงมากของวากายามะ

เวลาเปิดปิด : ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. (ปิดทุกวันปีใหม่)

การเดินทาง : จากสถานีวากายามะ JR Wakayama Sta. เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Kisei Line ไปลงที่สถานี JR Shimizu-Ura Sta. ใช้เวลาประมาณ 16 นาที หลังจากนั้น ให้นั่งแท็กซี่หรือเดินต่อไปอีกประมาณ 20 นาที ก็จะถึงโรงบ่มหล้าสาเกค่ะ

มุมหนึ่งของโรงกลั่นสาเกเก่าแก่แห่งวากายามะ

การเดินทางไปท่องเที่ยวทั้ง 3 สถานที่  3 รูปแบบที่ได้แนะนำไปนี้ สามารถใช้ บัตร JR West – Kansai Area ภูมิภาคคันไซ ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเลือกจุดเริ่มต้นการเดินทางมาจากโอซาก้าหรือเกียวโต แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากให้เพื่อนๆลองมาพักค้างคืนในตัวเมืองวากายามะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่พักแบบเรียวกัง ก็จะได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ แล้วก็ยังสามารถท่องเที่ยวได้อีกหลายแห่งนอกเหนือจากที่นำเสนอไปอย่างคุ้มค่าด้วยนะคะ