ภูมิภาคคิวชู ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นนอกจากจะมีบรรยากาศธรรมชาติที่หลากหลายและสวยงามแล้ว ก็ยังเต็มไปด้วยวัดวาอารามรวมถึงศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายแห่ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดเสริมพลังชีวิต ซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังด้านบวกจากธรรมชาติที่ตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ  และในหัวข้อนี้ก็จะขอแนะนำ  3  ศาลเจ้าชื่อดังที่จะเสริมพลังชีวิตให้คุณ ที่ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเยือนเพื่ออธิษฐานขอโชคลาภในด้านต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียน ความรัก หน้าที่การงานและความสำเร็จในชีวิต โดยสามารถเดินทางได้โดยใช้ บัตร JR Pass : JR Northern Kyushu / All Kyushu Area Pass ภูมิภาคคิวชูหรือคิวชูตอนเหนือ  จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ!

 

ศาลเจ้ามิยาจิดาเกะ (Miyajidake Shrine) ตั้งอยู่ที่เมืองฟุคุสึ จังหวัดฟุกุโอกะ ศาลเจ้าแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่รวมเอาสิ่งที่เป็นที่สุดในญี่ปุ่นไว้หลายสิ่ง เช่น  เชือกชิเมนาวะ (Shimenawa) ที่เป็นสัญลักษณ์แสดงเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าชินโต ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 เมตร ยาว 13.5 เมตร และหนัก 5 ตัน) มีกลองไทโกะ (Taiko) ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.2 เมตร) และกระดิ่งทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นค่ะ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่แต่ละปีจะมีผู้มาเยือนนับล้านคน

ศาลเจ้ามิยาจิดาเกะกับเชือกชิเมนาวะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุราว 1,600 ปี และเต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายอยู่รอบๆ แต่จะบริเวณหนึ่งที่ผู้คนมักเข้าไปเคารพสักการะเป็นอันดับต้นๆ คือ สุสานของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่ไม่มีใครทราบชื่อ เพราะไม่ได้มีการบันทึกไว้ มีเพียงโบราณวัตถุอย่าง ดาบทองขนาดใหญ่ที่พบพร้อมกับเครื่องใช้ที่ถูกฝังไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งยืนยันความเก่าแก่

เส้นทางแห่งแสงสว่าง (Road of Light)

นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าขนาดย่อมอีก 8 แห่งกระจายตัวอยู่รอบๆ ว่ากันว่าหากใครได้มาสักการะจนครบจะสมหวังทั้งเรื่องการงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ และจากบริเวณศาลเจ้าก็มีถนนทอดตัวเป็นเส้นตรงยาวไปสู่ทะเล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่มีทัศนียภาพสวยงามมากจนได้รับสมญานามว่า “เส้นทางแห่งแสงสว่าง (Road of Light)” เลยนะคะ  แต่จะมีให้เห็นเพียงระยะสั้นๆในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้นค่ะ

เวลาเปิดปิด : 07.00-19.00 น.

การเดินทาง : จากสถานี JR Fukuma Sta. นั่งแท็กซี่ต่อไปประมาณ 5-10  นาที หรือ เดินเท้า ประมาณ 30 นาทีค่ะ

 

 

ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu-Tenmangu) ตั้งอยู่ในเมืองดาไซฟุ จังหวัดฟุกุโอกะ  เป็น 1 ใน 2 ศาลเจ้าเทนมันกุที่สำคัญที่สุดในบรรดาศาลเจ้าเทนมันกุทั้งหมดกว่าพันแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น มีความเชื่อกันมายาวนานว่าศาลเจ้าแห่งนี้ให้โชคในเรื่องของการเรียน การสอบ และปัดเป่าความโชคร้ายค่ะ ดังนั้น จึงมีนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเตรียมสอบมาขอพรมากถึง 7 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วย

ตัวศาลหลักสร้างขึ้นอยู่เหนือหลุมฝังศพของซุกาวาระ มิจิซาเนะ (Sugawara Michizane) นักวิชาการชาวญี่ปุ่นผู้มีบทบาทสำคัญเมื่อพันปีก่อน ซึ่งหลังจากเสียชีวิตลงก็ทำให้เขาได้กลายเป็นที่สักการะบูชาของชาวญี่ปุ่นในฐานะเทพเจ้าแห่งการศึกษา

สะพานแดงภายในศาลเจ้า รูปปั้นวัวโกะชิงกิง

บริเวณศาลเจ้าดาไซฟุเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ซุ้มประตูทางเข้าหรือโรมง (Romon Gate) ที่สามารถมองเห็นรูปร่างด้านหน้าและด้านหลังแบบแตกต่างกัน สะพานแดงข้าม 3 ช่วงที่แบ่งเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รูปปั้นโกะชิงกิว (Goshingyu) รูปปั้นวัวที่เชื่อกันว่าหากได้ลูบที่หัวแล้วจะทำให้มีสติปัญญาดีนั่นเองค่ะ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การบูร บ๊วย และไอริส ซึ่งในฤดูดอกไม้บานจะส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายเดือนมกราคม-ต้นเดือนมีนาคม เพราะต้นบ๊วยหลายพันต้นจะทยอยกันผลิดอกบานสะพรั่งสวยงามมาก

ถนนบริเวณหน้าศาลเจ้าดาไซฟุ ร้าน Starbucks สาขาดาไซฟุ

และถนนสู่ศาลเจ้านั้นก็เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก กับร้านน้ำชาเรียงรายอยู่มากมาย มีของกินอร่อยๆด้วย ทั้งโมจิย่าง ขนม เครื่องรางค์ รวมทั้งร้าน Starbucks โดยสาขานี้มีเอกลักษณ์ที่การตกแต่งด้วยไม้ระแนงวางเป็น ‘ถ้ำใยแมงมุมไม้’

เวลาเปิดปิด : ตั้งแต่  08.00 -17.00น. (มีนาคม-พฤศจิกายน)  และ 08.30-16.30 น. (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)

การเดินทาง : จากสถานี JR Hakata Sta. ขึ้นรถไฟ JR Limited Express Sonic ไปลงที่สถานี Kitsuki Sta. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถบัส  Oita Kotsu Bus สายที่วิ่งผ่าน Aki ไปลงที่ป้าย Futago-ji ใช้เวลา 1 ชั่วโมง แล้วเดินต่อีกนิดหน่อยค่ะ

 

 

ศาลเจ้าอุโดะจิงกู (Udo-jingu Shrine) เป็นศาลเจ้าสีแดง ที่ตั้งอยู่ในเมืองมิยาซากิ (Miyazaki) บนชายฝั่งของหาดนิจินัน (Nichinan Coast) บนถ้ำริมหน้าผาโดยหันหน้าออกไปทางทะเล อีกหนึ่งจุดเสริมพลังชีวิตยอดนิยม ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1711 เพื่ออุทิศให้กับบิดาของจักรพรรดิองค์แรกตามตำนานของญี่ปุ่น และที่ค่อนข้างแปลกกว่าที่อื่นคือตัวศาลตั้งอยู่ในถ้ำที่เกิดจากการที่คลื่นซัดสาดเข้ามากระทบและกัดเซาะหน้าผาเลียบชายฝั่ง

ความน่าสนใจของศาลเจ้าแห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวญี่ปุ่นมากราบไหว้ขอพรแล้ว บริเวณรอบๆ ศาลเจ้าก็มีการสร้างระเบียงกับทางเดินที่มองเห็นวิวทะเลมุมสูงได้อย่างชัดเจน จากถนนสู่ศาลเจ้าบนหน้าผาสูงชันเมื่อมองไปก็จะเห็นสีฟ้าของน้ำทะเลและเส้นขอบฟ้า สีแดงสดของรั้วและประตูศาลเจ้า และสีเขียวของต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกอยู่โดยรอบ สวยงามคุ้มค่ากับการเดินทางขึ้นไปมากทีเดียวค่ะ

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เทพีโทโยะทามาฮิเมะ (Toyotamahime) เทพปกรณัมตามตำนานของญี่ปุ่นได้ให้กำเนิดบุตรชายไว้ หลังจากเข้าสักการะศาลเจ้าหลักที่ให้โชคในเรื่องคู่รักและการคลอดบุตรให้ปลอดภัยแล้ว อย่าลืมลองทำนายดวงดูว่าสิ่งที่อธิษฐานไว้เป็นจริงได้หรือไม่ ด้วยการโยนลูกบอลขนาดจิ๋วหรือที่เรียกว่า “อุงดามะนาเกะ” (Undama-nage) วิธีการคือ ให้อธิษฐานแล้วโยนหรือขว้างลูกบอลนี้ให้ลงหลุมบนหลังหินรูปเต่าที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผา ผู้ชายโยนด้วยมือซ้าย ส่วนผู้หญิงโยนด้วยมือขวา เชื่อกันว่าหากโยนลงหลุมได้สำเร็จคำอธิษฐานนั้นก็จะเป็นจริงค่ะ

“อุงดามะนาเกะ” สำหรับอธิษฐานและโยนเสี่ยงทาย

เวลาเปิดปิด  : ตั้งแต่  06.00 -19.00น. (เมษายน-กันยายน)  และ 07.00-18.00 น. (ฤดูหนาว: ธันวาคม-กุมภาพันธ์)

การเดินทาง : จากสถานีรถบัสมิยาซากิ โดยสารรถบัส Miyazaki Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Udo Jinguใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง  จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 15 นาทีค่ะ

 

เป็นศาลเจ้าที่เหมาะกับการเดินทางไปขอพรทั้ง 3 แห่งเลยนะคะ ยิ่งใกล้ปีใหม่ด้วยแล้ว ถ้าใครมีแพลนไปเที่ยวคิวชู และก็วางแผนจะใช้ บัตรเจอาร์พาส JR Northern Kyushu / All Kyushu Area Pass ภูมิภาคคิวชู ก็ขอแนะนำว่าห้ามพลาดเลยนะคะ