สถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวันที่ขึ้นชื่อที่สุด คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากทะเลสาบซันมูนเลค (Sun Moon Lake) หรือ ชื่อสุดโรแมนติกที่คนไทยเรียกกันว่า ทะเลสาบสุริยันจันทรา (เห็นชื่อนี้แล้ว นึกถึงซีรี่ย์เกาหลีเลยเนาะ) ซึ่งเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่ชาวไทยและชาวต่างชาติ หากไปเยือนไต้หวันต้องหาเวลาไปให้ได้ !? อ้าว…ทำไมถึงบอกว่าต้องหาเวลาไปให้ได้ นั่นก็เพราะทะเลสาบแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองไถจง ของไต้หวัน ดังนั้น การเดินทางจึงใช้เวลานาน หากออกจากเมืองไทเป – ไถจง ก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงแล้ว

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ไหนๆ ก็ต้องเดินทางไปถึงเมืองไถจง เราจึงถามไกด์ท้องถิ่นที่ติดต่อกันก่อนเดินทางว่า เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวไหนบ้างที่ห้ามพลาด และแล้ว…แพลนเที่ยวของเราจึงออกมาหน้าตาแบบนี้ Sun Moon Lake – หมู่บ้านสายรุ้ง – ตลาดกลางคืนไถจง” แพลนเที่ยวไม่เยอะ ไม่น้อยจนเกินไป สามารถเดินเที่ยวได้โดยไม่ต้องรีบเหมือนทัวร์ชะโงก และไกด์ที่เป็นคนขับรถก็ไม่ต้องกระชับเวลาให้เรามากด้วย

เวลา 9.00 น. เรานัดกับคนขับชื่อ Hei ซึ่งเป็นไกด์ในทริปนี้ให้มารับที่ โรงแรม Tomorrow ย่าน ximending โดยเขาก็มาตรงเวลามากๆ ทักทาย แนะนำตัว ทบทวนสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปในวันนี้กันเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางจากเมืองไทเป – เมืองไถจง ซึ่ง Mr. Hei บอกว่าจะใช้เวลาในการเดินทางถึงทะเลสาบสุริยันจันทราประมาณ 3 ชั่วโมง (นั่งกันรากงอกเลย) โดยระหว่างทางก็มีแวะพักรถ เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมกินกันบ้าง สังเกตว่า รถที่เข้ามาส่วนใหญ่ จะมุ่งหน้าไปทะเลสาบเหมือนกันหมด ไม่รู้ว่า ที่นี้เขาเรียกว่าที่ไหน ไม่ใช่ปั๊ม แต่น่าจะเป็นจุดพักรถของเมืองเขาละมั้ง

หลังจากแวะพัก บิดขี้เกียจกันจนหายเมื่อยแล้ว ก็ได้เวลาไปกันต่อ โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาทีจากจุดแวะพักก็ถึงทะเลสาบซันมูนเลค สถานที่ท่องเที่ยวแรกของวันนี้กันแล้ว เราว่าคงไม่ต้องพูดเยอะ ดูภาพกันได้เลย คือมันสวยมากจริงๆ ส่วนตัวเราก็ไปเที่ยวทะเลสาบมาเยอะแล้วนะ แต่ที่นี้ มันมีเสน่ห์มาก น้ำเป็นสีเขียวอมฟ้า ราวกับเติมสีลงไปเลย แต่ไกด์ยืนยันว่า อันนี้เป็นสีของทะเลสาบตามธรรมชาติจริงๆ ไม่ได้เสริมแต่งใดๆและทางการของไต้หวัน ก็รักษาธรรมชาติของที่นี้ไว้ดีมากๆ

เราเดินชมบริเวณโดนรอบ สูดไอทะเลสาบให้ชุ่มปอดพร้อมกับเดินตลาดใกล้ๆ ก็ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมากหรอก เพราะร้านยังไม่เปิด อย่างมากก็เข้า 7-11 ของไต้หวัน ฮ่าๆๆ โชคดีวันที่ไปคนน้อยมากๆ เลยไม่ค่อยแออัด ทำให้เดินเก็บภาพสวยๆได้เยอะทีเดียว แต่น่าเสียดาย เราเป็นคนเมาเรือ เลยไม่ได้ขึ้นเรือไปชมเกาะที่เขาเรียกกันว่า สุริยัน – จันทรา ซึ่ง Mr. Hei ที่เป็นไกด์ ยังบ่นเสียดายแทนเราเลย

แต่ก่อนกลับ เขาพาเราแวะทานข้าวที่ร้านอาหารท้องถิ่นแถวๆ ทะเลสาบ หาไม่ยาก เพราะเป็นร้านที่ใหญ่โตพอสมควร ตอนแรกคิดว่าจะทานไม่ได้ เพราะตั้งแต่มาไต้หวัน ผ่านไป 5 วัน ยังไม่เจออาหารรสชาติถูกปากเลย ร้านไหนที่ว่าดี ร้านไหนที่ว่าเด็ด เราก็ไปลองมาหมด พบว่า มันยังไม่ใช่ แต่ที่ถูกใจอยู่อย่างเดียวคือ ชานมไข่มุก (ของต้นตำรับบ้านเมืองเขา รับประกันความอร่อย) พอเข้าไปนั่ง ความที่กลัวอาหารไม่อร่อย เราก็ไปสั่งแบบง่ายๆก็คือ ข้าวสวย 1 ถ้วยและทอดมันกุ้ง อย่างที่เห็นตามภาพด้านล่างเลย

พอทานแล้ว ปรากฏว่า นี่แหละ รสชาติที่ตามหา ทอดมันกุ้งอร่อยมาก ให้ 100 / 10 เลย ข้าวสวยมีถั่วเหลืองกับงาดำโรยอยู่ข้างบน กลิ่นหอมไปอีกแบบ ส่วนทอดมันกุ้งคือดีอ่ะ ทอดแบบไม่อมมัน มีกุ้งตัวโตๆบดอยู่ข้างใน แถมทอดมันแต่ละชิ้นก็ใหญ่มากๆด้วย มีชาอู่หลงเสริมให้ฟรี เมนู ข้าว + ทอดมันกุ้ง สนนราคาที่ 120 NT เท่านั้น สำหรับเราราคานี้ถือว่าไม่แรง เพราะได้เยอะมาก และร้านก็บรรยากาศดีด้วย หันหน้าออกไปทางทะเลสาบพอดี กินไป ชมวิวไป ทดแทนการนั่งเรือไม่ได้ของเราไปในตัว ฮือๆ

 บรรยากาศหน้าร้าน วิวดีมากๆ 

ใครที่จะหาร้านอาหารทานแถวๆ ทะเลสาบซันมูนเลค เราแนะนำให้มาร้านนี้ รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เมนูอื่นเราเห็นโต๊ะข้างๆ กินมันส์มาก สั่งแบบเดียวกันหลายจานเลย คงจะอร่อยจริงๆ แหละ ไกด์เองก็แนะนำว่าถ้าคนไทยมาเที่ยวที่นี้ เขาจะแนะนำให้มาร้านนี้ เพราะร้านนี้มีอาหารที่รสชาติถูกปากคนไทย ราคาไม่แพง แถมวิวสวยด้วย อันนี้เราไม่ได้ค่าโฆษณาจากร้านเขาเลยนะ แต่เห็นว่าดีจริงเลยมาบอกต่อ ขนาดชื่อร้าน เรายังจำไม่ได้เลย แต่ถ้าใครอยากไปตำ เอารูปภาพที่เราใส่ไว้ไปถามเขาก็ได้ บนตะเกียบกับแก้วน้ำจะมีชื่อร้าน (มั้ง) ติดอยู่

พอทานอาหารเสร็จ Mr. Hei ก็พาแวะวัดเหวินอู่หรือที่คนไทยเรียกกันว่าวัดกวนอู จริงๆวัดแห่งนี้ไม่ได้จัดอยู่ในแพลนเที่ยวหรอก แต่เขาเห็นว่า เวลาเราเหลือเยอะเลยพาแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวไต้หวันกันสักหน่อย ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นศาสดาขงจื้อเทพเจ้าแห่งปัญญาและเทพกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ เป็นที่นับถือของชาวไต้หวันมาก รวมถึงสิงโตหินอ่อน 2 ตัว ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัด มีขนาดใหญ่โตมากๆ มองเห็นได้ตั้งแต่ไกล ได้ยินว่ามีมูลค่าตัวละ 1 ล้านเหรียญไต้หวัน

พอเข้าไป รู้ทันทีว่านักท่องเที่ยวชาวไทยคงจะแวะมาที่นี้กันเยอะ เพราะมีป้ายเป็นภาษาไทย แถมเจ้าหน้าที่ของที่นั่นยังพูดไทยได้นิดหน่อยด้วย สำหรับใครที่ไปเยือน แนะนำให้ไปขอพรเรื่องโชคลาภและสุขภาพ โดยเขาจะจำหน่ายกระดิ่งแผ่นทอง ราคาแผ่นละ 300 NT ซึ่งแต่ละแผ่นจะระบุว่าแผ่นนี้ขอพรเรื่องอะไรเอาไว้ เช่น ของเราขอพรเรื่องครอบครัวปลอดภัย เพราะเป็นคนชอบเดินทางไปท่องเที่ยวเยอะ ก็จัดมา 1 แผ่น หากอยากขอพรได้ทุกประการก็ต้องซื้อจำนวน 4 แผ่น (ราคา 1,200 NT ) อันนี้ เราแนะนำว่า ซื้อมาแผ่นเดียวก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือไปทำบุญอธิษฐานบริจาคเงินให้กับวัดแทน

หลังจากไหว้เสร็จ ก็นำแผ่นทองมาหมุนตามเข็มนาฬิกาในกระถางธูป และนำไปแขวนไว้ด้านบน เป็นอันเสร็จพิธี ใครขึ้นไปด้านบน ขวามือจะมีโต๊ะเล็กๆ วางตราปั๊มของวัดเหวินอู่เอาไว้ ใครเป็นนักล่าตราปั๊ม อย่าลืมไปปั๊มลงสมุดบันทึกกันด้วยล่ะ และสุดท้าย ก่อนกลับอย่าลืมลองไปหยอดเหรียญ 10 ลงในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ โดยเขาเชื่อกันว่า หากโยนลงไปในกระถางของบ่อได้ คำอธิฐานของเราจะเป็นจริง ใครที่ไม่ได้ซื้อกระดิ่งแผ่นทอง ก็สามารถมาขอพร อธิษฐานตรงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เอาก็ได้

เราใช้เวลาในวัดเหวินอู่ประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะวัดนี้กว้างใหญ่และสวยงามมากเลยเดินซะเพลิน ก่อนจะได้เวลาไปสถานีถัดไป นั่นคือ ไปหาอากงฝู ที่หมู่บ้านสายรุ้ง ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง เราไปถึงหมู่บ้านสายรุ้งประมาณ 15.00 น. โชคดีที่คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร เลยมีโอกาสได้เดินถ่ายรูปไว้เพียบ แถมอากงฝู ยังอยู่ที่นั่นอีกด้วย

บริเวณโดยรอบ เต็มไปด้วยสีสันงานศิลป์แบบอาร์ตๆและดูไม่เก่า เพราะที่นี้จะปิดปรับปรุงเป็นประจำทุกปี เพื่อบำรุงรักษาให้สีสันที่วาดไว้บนตัวบ้านและกำแพงคงทนและสดใหม่อยู่ตลอด ใครที่มีแพลนว่าจะไปเที่ยว อย่าลืมเช็ควัน – เวลากันให้ดีๆว่า ช่วงที่ไปตรงกับช่วงที่เขาปิดปรับปรุงหรือเปล่า เพราะปิดปรับปรุงครั้งหนึ่ง กินเวลาเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนเลยทีเดียว แต่รับรองว่าเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ไปแล้ว ต้องชอบมากแน่ๆ โดยเฉพาะคนที่รักการถ่ายภาพ มีมุมและกำแพงให้ถ่ายรูปอยู่ค่อนข้างเยอะ

ส่วนสินค้า ของที่ระลึกก็มีเอกลักษณ์และมีให้เลือกหลายราคา (บางอย่างราคาก็แรงพอตัว) ซึ่งเราได้เข็มกลัดกับที่ติดตู้เย็นมา ราคาอันละ 70 NT  จริงๆแล้วอยากได้ร่ม แต่ราคาแรงไปหน่อย ถ้าช้อปเพลินกว่านี้ กลัวกระเป๋าจะฉีกก่อนไปถึงตลาดไถจง (ถ้าใครอยากอ่านความเป็นมาและรีวิว หมู่บ้านสายรุ้งแบบละเอียด สามารถไปตามอ่านได้ที่บทความ “หมู่บ้านสายรุ้ง แหล่งท่องเที่ยวชิคๆในเมืองไถจง” เรารีวิวแบบจัดเต็มพร้อมเคล็ดลับบางอย่าง ?? เอาไว้หมดแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าคืออะไร คลิกเลย)

เมื่อเดินชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกับอากงฝูเสร็จ เราก็เดินทางไปตลาดไถจงกันต่อ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 15 – 20 นาทีก็ถึงแล้ว พอไปถึงแตกต่างจากทะเลสาบ SML / วัดเหวินอู่ / หมู่บ้านสายรุ้งมาก เพราะทั้ง 3 แห่งที่เราไป ตรงกับช่วงที่คนน้อยพอดี แต่พอมาถึงที่นี้เวลา 17.00 น. นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด จนแถบไม่มีทางเดิน แต่ไหนๆ ก็มาตลาดที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดและเป็นต้นกำเนิดชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลกแล้ว มีหรือเราจะพลาด ไปหามาตำกันเถอะ

ตลาดไถจงขึ้นชื่อในเรื่องสินค้าหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแบรนด์เนมราคาถูก เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนม – แฮนด์เมด ร่ม รวมไปถึงของกินที่เดินกินทั้งคืนก็ไม่หมด แต่ทีเด็ดของที่นี้คือ ร้าน Chun Shui Tang ชุนสุ่ยถัง ต้นตำหรับชานมไข่มุก ที่กลายเป็นชานมไข่มุกยอดนิยมทั่วไต้หวันอยู่ในปัจจุบัน ราคาแก้วละ 120 – 190 NT (เท่า Starbucks บ้านเรา) พอกินแล้ว ก็สมคำร่ำลือ มันอร่อยจริงๆ รสชาติของชานมไม่หวานมาก พอดีๆ เป็นรสชาติที่คนไทยกินได้และคนญี่ปุ่นก็ชอบ เพราะมันไม่หวานมากเหมือนชานมไข่มุกบ้านเรา ส่วนไข่มุกก็ดีงาม นิ่ม ละมุน หวานตัดกับชานมพอดี แต่เราว่าเม็ดเล็กไปหน่อย เพราะเป็นคนชอบกินไข่มุกเม็ดใหญ่ (คงติดมาจากเมืองไทย) มันเคี้ยวได้เต็มปากเต็มคำดี แต่โดยรวมแล้ว มาลองเถอะ ไม่งั้นจะเสียใจ มาประเทศต้นตำรับชานมไข่มุกทั้งที

ภาพนี้ เราสั่งมาเป็นแก้วที่ 3 อิ่ม ท้องเย็น พุงกาง เดินหาอะไรกินต่อไม่ได้เลย ฮ่าๆๆ 

แต่ถ้าใครพลาด หาไม่เจอ เพราะมันหาค่อนข้างยากเลย ร้านนี้มีสาขาอยู่ที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค ราคาเท่ากัน รสชาติเหมือนกัน ถ้าใครไม่ได้มาตลาดไถจงหรือมาแล้วหาร้าน Chun Shui Tang ชุนสุ่ยถัง ไม่เจอก็ตามไปตำกันได้ที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค ร้านตั้งอยู่ใน Hall ใหญ่ชั้น 1 ทางซ้ายมือของอนุสรณ์สถาน หลังจากช้อปปิ้งกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลากลับไทเป ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางจากตลาดไถจง – เมืองไทเป ไม่เกิน 2 ชั่วโมง เราออกจากตลาดไถจงเวลา 20.30 น. และมาถึงหน้าที่พักเวลา 22.25 น. จบ 1 Day Trip ที่สนุกสนานและกระเป๋าฉีกไปโดยสวัสดิภาพ

ส่วนราคา One Day Trip ที่หลายๆ คนอยากทราบ ราคาเหมาอยู่ที่ 6,000  NT ตั้งแต่ 9.00 น. – 22.00 น. บอกเลยว่าคุ้มมาก ถ้าเขาบริการดี ใครอยากจะให้ทิปก็ได้ หรือใครสนใจเลือกใช้ One Day Trip แบบส่วนตัวของทาง kkday ก็มีให้บริการ เราใช้บริการของเจ้านี้เหมือนกัน แถมถูกกว่าไกด์ท้องถิ่นด้วย ประหยัดเงินค่ารถไปหลายพันเลย ใครสนใจตามอ่านกันได้ที่ “ตะลอนทริป จิ่วเฟิ่น – หมู่บ้านแมว – วัดกวนตู้ – สะพานคู่รัก – ตั้นสุ่ย” ราคาสมเหตุสมผล ไม่แพง เป็นการนำเที่ยวที่คุ้มค่ามาก อ่อ…ลืมบอกไปว่า การบ้านของเรา ใครจะเอาไปลอกก็ได้ ไม่หวง แต่อย่าลืมส่งการบ้านมาให้เราดูด้วย

have a good trip นะทุกคน