ตั๋ว JR pass ใช้งานยังไง  วันนี้จะมาเล่าถึงเรื่องนี้กัน  เพราะเราไปญี่ปุ่นกี่ครั้ง ก็ใช้เจ้าตั๋วนี้ช่วยเรื่องการเดินทาง  แถมพอมาเทียบราคาที่ต้องไปซื้อเองรายเที่ยวก็ถูกกว่ามาก  มาดูกันดีกว่าว่ามันใช้งานยังไง และซื้อหาที่ไหนได้บ้าง

ถ้าจะพูดถึงว่า JR pass หรือ Japan Rail Pass มันหน้าตายังไง ใช้ทำอะไรได้บ้าง ราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก็แล้วกันเนอะ  JR pass หรือJapan Rail Pass แบ่งออกได้หลายแบบมาก ยกตัวอย่างหลักๆ ก็อย่างเช่น JR Hokkaido, JR East, JR West, JR Central, JR Shikoku, และ JR Kyushu ใน pass เหล่านี้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้อันที่เหมาะสมกับทริปเรามากที่สุด เช่น หากจะไปเที่ยวแค่เกาะฮอกไกโดก็เลือกซื้อ JR Hokkaido pass ไปเลยแต่หากจะเที่ยวให้ครบเก็บทุกโซนตั้งแต่คิวชูถึงฮอกไกโดก็แนะนำเป็น JR pass All Japan ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในญี่ปุ่นไม่จำกัดจำนวนครั้งที่โดยสารด้วยนะ

ส่วนราคาก็ขึ้นอยู่กับประเภทของตั๋ว ถ้าเป็นระดับภูมิภาคราคาก็จะถูกลงมาหน่อย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาด้วย มีเริ่มต้นตั้งแต่ 1 วัน (JR Kansai Area) ราคาประมาณ 600-700 บาท หรือจะเป็น 3,4,5,7 วัน ราคาประมาณ 4,000-6,000 บาท (JR Hokkaido) หรือแบบชั้นธรรมดา 7 วัน ราคาประมาณ 8,000 บาท (JR pass All Japan) และหากว่าเราติดตามโปรโมชั่นตามเอเจ้นท์หรือเพจท่องเที่ยวต่างๆ เราก็อาจจะได้ราคาที่ถูกลงมากกว่าเดิมอีกหนาออเจ้าาาาาาา 


วิธีการใช้งาน JR pass

การใช้งาน JR pass นั้นก็ไม่มีขั้นตอนอะไรที่ยุ่งยากนักเดินทางมือใหม่อาจจะตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะเราเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ว่าซื้อไปแล้วจะเอาไปแลกได้จริงไหม ทำไมหน้าตาบัตรที่เราได้ถึงแปลกจากคนอื่น  แต่ไม่ต้องตกใจไปถ้าเราซื้อกับตัวแทนจำหน่ายหรือเอเจ้นท์ที่เชื่อถือได้รับรองว่าใช้ได้ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ  มาดูกันเลยว่าวิธีใช้ตั๋วรถไฟ JR pass นั้นมีวิธีอย่างไรบ้าง

1. ทำการซื้อตั๋วจากตัวแทนจำหน่ายไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือหน้าร้าน เราจะได้รับตั๋วชั่วคราวหรือที่เรียกกันว่าExchange Order เมื่อได้ตั๋วนี้มาควรตรวจสอบชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษของเราที่อยู่บนตั๋วให้ถูกต้อง

2. เมื่อไปถึงญี่ปุ่นให้นำเอาตั๋วชั่วคราวหรือ Exchange Order กับ passport ไปแลกเป็นบัตร JR pass ตัวจริงที่ JR Ticket Office ซึ่งจะมีให้บริการตามสนามบินและสถานีรถไฟใหญ่ๆ ทั่วญี่ปุ่น  เช็คข้อมูลได้ที่นี่

3. เมื่อได้บัตร JR pass ตัวจริงหรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่า “บัตรเบ่ง” เพราะเจ้าบัตรนี้สามารถขึ้นรถไฟได้เกือบทุกขบวน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟธรรมดาหรือรถไฟความเร็วสูงอย่างชินคันเซนก็สามารถใช้ได้ (แต่มีชินคันเซนบางขบวนที่ใช้ไม่ได้นะ ยังไงตรวจสอบการใช้งานตอนซื้อตั๋วอีกทีเด้อ)

4. ถ้าต้องการจองที่นั่งสามารถจองได้ที่ JR Ticket Office ได้เลยเช่นกัน แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการไปรถไฟขบวนไหน เวลาใด ชอบนั่งริมหน้าต่างหรือทางเดินก็แจ้งได้ (สามารถดูรายละเอียดขบวนรถไฟและเวลาได้ที่เว็บhyperdiaส่วนมากการจองตั๋วจะนิยมจองสำหรับรถไฟที่มีความเร็วสูง แต่ถ้าเป็นรถไฟธรรมดา หรือ local train มักจะไม่จองที่นั่งกัน สามารถแสดงตั๋ว JR pass ให้เจ้าหน้าที่ที่ประตูทางเข้าดูได้เลย 

5. เมื่อถึงปลายทางแล้วเพียงแค่โชว์บัตร JR pass ก็ออกได้เลย  ใช้ช่องทางที่เป็นประตูใหญ่ติดกับห้องของพนักงาน หรือถ้ามีตั๋วที่ทำการจองที่นั่งมาใบเล็กๆ ก็ออกทางช่องสอดตั๋วปกติได้


ในปัจจุบันนี้การเลือกซื้อตั๋ว JR pass ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะในประเทศไทยของเรานั้นมีตัวแทนจำหน่ายมากมายหลายเจ้า  และวันนี้เจ้าที่เราอยากแนะนำก็คือ KKday เจ้านี้เค้าเริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยได้สักพักละ ไม่เพียงแค่ตั๋ว JR pass นะแต่ที่ KKday เค้ายังรวบรวมประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ไว้ให้มากมายไม่ว่าจะเป็น ดำน้ำ ปีนเขา เรียนทำอาหาร ตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ  บริการเช่ายานพาหนะ ตั๋วรถไฟ ตั๋วรถบัสจัด Local Tour แบบพิเศษสุดๆ หรือจะเป็น one day trip ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ทั้งหมดนี้ครอบคลุมหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี ฮ่องกง มาเก๊า จีน เวียดนาม อเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ มาเลเซีย  และอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก เข้าดูรายละเอียดการให้บริการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเค้าได้เลย ที่นี่ อ่ะ พูดพร่ำทำเพลงกันมาเยอะละ เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าจะซื้อ JR pass กับ KKday เนี่ยทำยังไงกันได้บ้าง

 

วิธีการซื้อตั๋ว JR pass กับ KKday

ตอนนี้วิธีการสั่งซื้อสามารถทำได้ 2 ทางนะทั้งทางเว็บไซต์และแอพลิเคชั่น KKday

1. อันดับแรกเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์หรือแอพลิเคชั่นของ KKday ได้เลยจากนั้นไปที่ช่อง search เพื่อค้นหาสินค้าหรือบริการที่เราต้องการตัวอย่างเช่น เราจะไปญี่ปุ่นสัก 7-8 วัน และจะเดินทางตั้งแต่โตเกียวไปถึงฮอกไกโด ก็เข้าไปซื้อ JR pass แบบที่ใช้ได้ทั่วทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นแค่ใส่คำว่า  JR pass ก็จะมีพาสต่างๆ ขึ้นมาให้เราเลือกหรือคลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย

2กดเลือกแพ็คเกจเลือกวันที่ ซึ่งวันที่ตรงนี้ให้ใส่เป็นวันที่ที่เราจะไปรับ Exchange Ordeหรือตั๋วชั่วคราวที่ บีทีเอสอโศก, ช่องนนทรี, หมอชิต หรือสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ตามที่เราสะดวก  จากนั้นเลือกประเภทของรถไฟที่มีจำหน่ายตามวันที่ใช้งาน 7 วัน, 14 วัน และ 21 วัน เลือกได้ทั้งชั้นธรรมดา (Standard Ordinary) และชั้นพิเศษ (Green)

4. การกรอกข้อมูลผู้เดินทางต้องกรอกชื่อนามสกุลให้ถูกต้องและตรงตามพาสปอร์ต หากชื่อไม่ถูกต้องเราจะไม่สามารถใช้ตั๋วชั่วคราว ( Exchange Order) ไปแลกเป็นตั๋วจริงได้นะจ้ะ

5. อย่าลืมระบุตรงช่อง “หมายเหตุ” ด้วยว่าเราต้องการรับสินค้าที่ไหน เช่น บีทีเอสอโศก, ช่องนนทรี, หมอชิต, สนามบินดอนเมืองหรือสนามบินสุวรรณภูมิ

6. การเลือกวิธีชำระเงิน  สามารถเลือกชำระได้ด้วยบัตรเครดิตหรือ PayPal กรอกข้อมูลให้ถูกต้องและทำรายการต่อ

7.  ชำระเงินเสร็จ  ปริ้นใบยืนยันการจอง (voucher) และนำไปแสดงพร้อมหนังสือเดินทางที่จุดรับตั๋วชั่วคราว (Exchange Order) 


ข้อมูลสถานที่รับสินค้า 

• สามารถรับตั๋วเดินทางได้ตามจุดให้บริการดังต่อไปนี้ :

• เคาน์เตอร์ SKYBOX สถานี BTS อโศก
– สถานที่ตั้ง : บูธ E4-7 (อยู่ในสถานี)
– เวลาทำการ : วันจันทร์ – ศุกร์ : 8:00 – 21:00 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 1900 น.

สถานี BTS ช่องนนทรี
– เวลาทำการ : วันจันทร์ – ศุกร์ : 8:00 – 21:00 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 19:00 น.
– สถานที่ตั้ง: เคาน์เตอร์ SKYBOX ใกล้ทางออก 4

• สถานี BTS หมอชิต
– เวลาทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ : 8:00 – 21:00 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 19:00 น.
– สถานที่ตั้ง: เคาน์เตอร์ SKYBOX ใกล้ทางออก 1

• สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK)
– สถานที่ตั้ง : ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริเวณสถานี Airport Rail Link อาคารผู้โดยสารขาเข้า (บูธ 07555)
– เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

• สนามบินดอนเมือง (DMK)
– สถานที่ตั้ง : ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริเวณ Gate 2 ชั้น 1 อาคารผู้โดยสาร 1 (บูธ 13542)
– เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

・เมื่อสินค้าพร้อมให้คุณไปรับที่จุดรับสินค้าที่คุณเลือกแล้ว จะมี SMS แจ้งส่งไปให้ทางเบอร์โทรศัพท์ที่คุณระบุขณะทำการจอง


แค่ไม่กี่ขั้นตอนง่ายๆ ด้านบนนี้เราก็จะได้ตั๋วสำหรับรถไฟที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่นมาครอบครองแล้ว การเตรียมตัวก่อนการเดินทางนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายขึ้นได้มากโขทีเดียว เชื่อเถอะ   เราไปใช้มาแล้วววประหยัดไปได้เกือบครึ่งค่ะคุณ 

ทำไมแนะนำ KKday น่ะเหรอ ?

ก็เพราะเราเคยลองใช้บริการแล้ว แค่คลิกเลือกแพคเกจที่ตรงกับทริปของเรา จ่ายเงิน รอเวลาที่ SMS ส่งมาบอก ก็เข้าไปรับของตามจุดที่ระบุได้เลยน่ะสิ และสำหรับคนที่อยู่ในเมืองตามแนวรถไฟฟ้ายิ่งสะดวกเข้าไปอีก นั่งบีทีเอสไม่กี่อึดใจก็ได้ไปรับของแล้ว

ปลอยากจะแอบบอกว่าเจ้านี้เค้าชอบมีโปรโมชั่นออกมาบ่อยนะไปกดติตามเพจเฟสบุ๊ค เค้าไว้ได้เลยค่ะรับรองคุณจะไม่ผิดหวัง….

 

หากอยากจะเช็คว่าแผนการเดินทางที่เราวางไว้นั้นเหมาะที่จะใช้ JR pass หรือไม่ห้ลองเข้าไปที่เว็บไซต์ hyperdia เลือกเส้นทางที่ต้องการ ตรวจสอบราคาแล้วเอามาเทียบกับค่าตั๋ว JR pass ที่เราต้องซื้อและนั่นคุณจะเห็นถึงความคุ้มค่า เซฟเงิน ไว้กิน ไว้ช้อป  ได้เยอะเลยจ้าววววว