JR KANSAI WIDE AREA PASS คือ ตั๋วรถไฟเจอาร์ที่ใช้เดินทางได้ทั่วทั้งภูมิภาคคันไซและยังสามารถใช้โดยสารรถไฟความเร็วสูงอย่าง Shinkansen สาย Sanyo ได้ด้วย ซึ่งการใช้งานนั้นยังครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในแถบคันไซ และหากมองภาพรวมแล้ว พาสนี้สามารถใช้ได้กับทุกเส้นทางของ Kansai Area Pass แต่เพิ่มพื้นที่ในการใช้งานมากกว่าและสามารถใช้โดยสารรถไฟ Shinkansen และรถไฟขบวน Express ได้มากกว่าอีกด้วย  (ดูพื้นที่การใช้งานอย่างละเอียดที่นี่)

JR Kansai Area Wide Pass แตกต่างจาก JR Kansai Area Pass อย่างไร?

  • Kansai Wide Area Pass สามารถใช้โดยสารรถไฟความเร็วสูง Shinkansen (แบบไม่จองที่นั่ง) สาย Sanyo ในเส้นทาง Shin Osaka – Okayama ได้ แต่ Kansai Area Pass ไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟชินคันเซนได้
  • Kansai Wide Area Pass สามารถใช้โดยสารรถไฟขบวน Express (แบบไม่จองที่นั่ง) ได้หลายขบวน เช่น HARUKA, KUROSHIO, THUNDERBIRD, KOUNOTORI, SUPER HAKUTO, SUPER INABA, etc แต่ Kansai Area Pass สามารถใช้ได้กับ Haruka เท่านั้น
  • Kansai Wide Area Pass สามารถใช้งานได้ในพื้นที่เขตคันไซ แต่กว้างขวางกว่า Kansai Area Pass
  • Kansai Wide Area Pass จำหน่ายตั๋วประเภทเดียวเท่านั้น คือ สำหรับ 5 วัน แต่ Kansai Area Pass จำหน่ายตั๋ว 4 ประเภท คือ 1 วัน, 2 วัน, 3 วัน, และ 4 วัน

การใช้งาน:

  1. ใช้ขึ้นรถไฟ JR ขบวนธรรมดาได้ไม่จำกัด ในโซน Kansai ครอบคลุมเมือง โอซาก้า, เกียวโต, นารา, โกเบ, ฮิเมจิ, วะคะยะม่า, โอคะยาม่า, อาราชิยาม่า, ทตโตริ, สนามบินคันไซ และสนามบินโอคะยาม่า
  2. ใช้ขึ้นรถไฟขบวน Express (แบบ non-reserved) ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  3. ใช้ขึ้นรถไฟความเร็วสูง Shinkansen (แบบ non-reserved) สาย Sanyo ในเส้นทาง Shin Osaka – Okayama ได้
  4. พาสนี้ต้องใช้ต่อเนื่อง 5 วัน
  5. พาสนี้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น

ประเภทและราคาตั๋ว:

Kansai Wide Area Pass มีให้เลือกเพียงแบบเดียวคือ สำหรับ 5 วัน

สถานที่จำหน่าย:

  • นอกประเทศญี่ปุ่น: สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในไทย ซึ่งมีอยู่หลากหลายเจ้า หรือค้นหาตั๋วโปรโมชั่นราคาพิเศษกับ KKday ที่นี่ โดยสามารถนำ Exchange Order มาแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงได้ที่สถานีรถไฟ Kyoto, Shin-Osaka, Osaka, Sannomiya, Kansai-airport, Nara, Wakayama, Toyooka, Kinosakionsen, Fukuchiyama, Ayabe, Nishi-Maizuru, Higashi-Maizuru, Okayama, Travel Service Center OSAKA
  • ในประเทศญี่ปุ่น: สามารถซื้อได้เมื่อเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว ที่สถานีต่างๆ ดังนี้ Tsuruga, Kyoto, Shin-Osaka, Osaka, Kobe, Shin-Kobe, Sannomiya, Himeji, Nijo, Uji, Saga-Arashiyama, Kyobashi, Tsuruhashi, Tennoji, Shin-Imamiya, Bentencho, Nishikujo, Kansai-airport, Nara, JR-Namba, Wakayama, Toyooka, Kinosakionsen, Fukuchiyama, Ayabe, Nishi-Maizuru, Higashi-Maizuru, Okayama, KANSAI TOURIST INFORMATION CENTER KANSAI INTERNATIONAL AIRPORT (TERMINAL1, TERMINAL2), Travel Service Center OSAKA โดยต้องแสดงพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินขากลับด้วย

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
สำหรับ JR KANSAI AREA WIDE PASS

1. Tottori Sand Dunes

ญี่ปุ่นก็มีทะเลทรายนะเธอออออ แต่จะเรียกว่าทะเลทรายก็ไม่ถูกนักเพราะมันคือเนินทรายอันกว้างใหญ่ Tottori Sand Dune หรือเนินทรายทตโตริ ตั้งอยู่อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติซานินไคกัน, เมืองทตโตริ เป็นเนินทรายที่อยู่เลียบแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น และเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของเมืองทตโตริ ที่ใครๆ ก็ต้องแวะมา เนินทรายนี้มีความสูงถึง 50 เมตร และกว้างกว่า 2 กิโลเมตรแน่ะ เรียกได้ว่ากว้างใหญ่มาก เนินทรายแห่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้เกิด “รอยริ้วคลื่น” และ “รอยริ้วคล้ายน้ำไหล” ที่เกิดจากสายลมปะทะกับผืนทราย ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง เช่น การขี่อูฐ, ร่อนร่ม, กระดานทราย หรือสามารถขึ้นไปดูทิวทัศน์บนดาดฟ้าจุดชมวิวที่ศูนย์ซาคิว หรือถ้ามาหน้าหนาวเนินทรายแห่งนี้ก็จะกลายเป็นลานหิมะที่กว้างงงงสุดลูกหูลูกเลยทีเดียวล่ะ

การเดินทาง:

  • นั่งรถไฟลงสถานี JR Tottori และนั่งรถเมล์ต่อ 20 นาที ลงป้าย Tottori Sakyu สุดสาย

2. Shin-Kobe Ropeway

Shin-Kobe Ropeway หรือ กระเช้าลอยฟ้าชินโกเบ เส้นทางท่องเที่ยวของกระเช้านี้จะผ่านจุดชมวิวน้ำตก Nunobiki และสวนสมุนไพร Nunobiki Herb Garden ด้วย เราสามารถแวะเที่ยวสวนสมุนไพรได้ นอกจากนั้นยังสามารถมองเห็นวิวเมืองโกเบมุมสูงจากบนกระเช้าได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย ฤดูที่ฮิตติดลมบนของนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็คงหนีไม่พ้นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอีกตามเคย ต้นไม้บนภูเขา Rokko จะเริ่มเปลี่ยนสีสวยงามในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ของทุกปี มาช่วงนี้รับรองไม่พลาดแน่นอนค่ะ  กระเช้าเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00-17:00 น. ในวันธรรมดา และถึงเวลา 20:30 น. ในวันเสาร์,อาทิตย์และวันหยุดราชการ  ไหนๆ ก็มาถึงเมืองโกเบแล้ว หลังจากนั่งกระเช้าชมวิวทิวทัศน์เสร็จแล้วอย่าลืมแวะไปชิมเนื้อโกเบอันเลื่องชื่อนะคะ เดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึงโกเบจริงๆ เด้ออออ

การเดินทาง:

  • นั่งรถไฟสาย JR Shin-Kobe ลงที่สถานี Shin-Kobe แล้วเดินต่ออีก 5 นาที ไปยังสถานีขึ้นกระเช้า

3. Kinosaki onsen

ถ้ากล่าวถึงออนเซ็น ใครๆ ก็ต้องนึกถึงญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก และออนเซ็นนั้นก็มีอยู่ทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าคุณจะไปภูมิภาคไหนๆ ก็หาออนเซ็นได้ และ “คิโนะซากิออนเซ็น” ที่นี่คือหนึ่งในออนเซ็นที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองเฮียวโงะ ภูมิภาคคันไซ ห่างจากโอซาก้าไม่มากนัก ภายในเมืองมีบ่อน้ำร้อนสาธารณะที่เปิดให้ใช้บริการทั้งหมด 7 บ่อ กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของเมือง นักท่องเที่ยวส่วนมากที่ไปเมืองนี้จะพักที่พักแบบเรียวกัง ใส่ชุดยูกะตะ รองเท้าเกี๊ยะ เดินตามเมืองเพื่อไปแช่ออนเซ็นตามบ่อน้ำร้อนต่างๆ เป็นภาพที่น่ารัก เหมือนย้อนยุคไปสมัยโบราณของญี่ปุ่นเลยค่ะ ตัวเมืองเองก็น่ารัก มีจุดให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด ใครชอบถ่ายรูปเก๋ๆ แนะนำเมืองนี้เลย ห้ามพลาดจ้าววว

การเดินทาง :

  • นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Konotori วิ่งตรงจากสถานี Osaka หรือ สถานี Shin-Osaka มาลงสถานี Kinosaki-onsen ใช้เวลาเดินทางประมาณ 160 นาที

4. Kojima Jeans Street

โคจิม่าสตรีท หรือ ถนนยีนส์ เป็นถนนที่รวมเอาแบรนด์ของกางเกงยีนส์ที่ผลิตในเมืองโคจิมะมารวมไว้ที่ถนนเส้นนี้ เช่น  Blue Wall, Samurai, Momotaro, Iron Heart และ Pure Blue Japan ที่นี่เป็นแหล่งผลิตกางเกงยีนส์ที่มีชื่อเสียงไปไกลระดับโลกเชียวนะ ถนนสายนี้มีร้านค้ากว่า 30 ร้าน นอกจากร้านขายยีนส์แบรนด์คุณภาพแล้ว ก็ยังมีร้านคาเฟ่ และร้านขายของฝากอื่นๆ ให้เดินดูกันเป็นแนวยาวตามถนน หรือหากใครไม่อยากเดินก็สามารถเช่าจักรยานปั่นชมเมืองและพิพิธภัณฑ์ยีนส์ได้ ใครไปแถบโอคายะม่าแล้วมีเวลาก็อย่าลืมแวะไปบ้านเกิดแห่งยีนส์กันนะคะ เดินเล่นเก๋ๆ เป็นอีกมุมของญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใคร

การเดินทาง:

  • นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kojima เดินต่อ 15 นาที ไปยัง Kojima Jeans street หรือต่อรถบัส โดยลงที่ป้าย Nozakikekyuutaku

5. Universal Studio Japan

พลาดไม่ได้เลยที่ต้องแนะนำก็คือ UNIVERSAL STUDIO JAPAN หรือ USJ นั่นเอง เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่ไปเที่ยวแถบๆ คันไซ ต้องไม่พลาดที่จะไปสวนสนุกแห่งนี้แน่นอน โดยเฉพาะสาวกแฮร์รี่พอตเตอร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องเป็นสถานที่ลำดับต้นๆ ในรายการแน่นอนล่ะ ที่ Universal Studio Japan นั้นแบ่งออกเป็น 9 โซนด้วยกัน ได้แก่ Hollywood, New York, San Francisco, Jurassic Park, Amity Village, Water World, Universal Wonderland, Minion Park และ The Wizarding World of Harry Potter  ดูข้อมูลของแต่ล่ะโซนเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรืออยากได้ตั๋วเข้าสวนสนุกราคาพิเศษกับ KKday ก็คลิกที่นี่เลย

เวลาเปิด – ปิด ปกติแล้ววันธรรมดาจะเปิด 9.30 – 19.00 น. ส่วนเสาร์อาทิตย์นั้นจะเปิด 9.00 – 21.00 น.

วิธีการเดินทาง:

  • เดินทางโดยรถไฟสาย JR Loop Line จากโอซาก้า และลงที่สถานี Nishikujō Station และต่อรถไฟสาย Sakurajima และลงที่สถานี Universal City Station เดินไปยัง USJ เพียง 3 นาทีเท่านั้น

6. Nara Park

สุดท้าย ท้ายสุดนั้นเราจะชวนมาตะลอนเมืองเก่า ดูเหล่าน้องกวางที่สวนนารา นอกจากกวางแล้วก็ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่โด่งดัง เช่น วัดโทไดจิ, วัดยาคุชิจิ, ศาลเจ้าทานซาน, ภูเขาวาคาคุซายามะ, และ ศาลเจ้าคะซุงะ ให้เข้าไปสักการะขอพร หรือจะเช่าชุดกิโมโนเดินเล่น ให้อาหารน้องกวางในสวนนาราเรื่อยๆ ก็ย่อมได้ แนะนำว่าให้ลองไปช่วงใบไม้เปลี่ยน คุณจะเห็นใบเมเปิ้ลแถวนั้นแข่งกันอวดสีเหลือง สีแดงละลานตาแน่นอน ใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติและประวัติศาสตร์เมืองมรดกโลกไปพร้อมๆ กัน เมืองนารานี่ล่ะ จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

หรือถ้าไม่อยากเดินหลงในหมู่น้องกวางก็สามารถซื้อทัวร์แบบไป-กลับ วันเดียวแต่เที่ยวได้ทั้ง วัดกินคะคุจิ ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ และสวนกวางนารา ออกเดินทางจากโอซาก้าที่นี่โลด

การเดินทาง :

  • นั่งรถไฟจากสถานี JR Shin-Osaka ไปลงสถานี JR Tennoji จากสถานี JR Tennoji นั่งรถไฟไปลงสถานี JR Nara แล้วต่อรถบัสหน้าสถานี 10-15 นาที (แล้วแต่สถานที่)
  • นั่งรถไฟจากสถานี Kyoto นั่งรถไฟลงสถานี JR Nara ได้เลย แล้วต่อรถบัสหน้าสถานี 10-15 นาที (แล้วแต่สถานที่)

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำไปด้านบนแล้ว ตั๋ว JR Kansai Wide Area Pass ยังสามารถครอบคลุมไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและน่าสนใจอีกหลายๆ ที่ เช่น ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ, อาราชิยาม่า, เกียวโต หรือย่านช้อปปิ้งสุดฮิตนัมบะ

หากสนใจกิจกรรมอื่นๆหรือเดย์ทัวร์ในภูมิภาคคันไซ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ