JR West-Kansai, Hiroshima Pass คือ ตั๋วรถไฟเจอาร์ที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟชินคันเซนขบวนซันโย และยังรวมไปถึงขบวนโนโซมิและมิซุโฮะ เส้นทางระหว่างโอซาก้าไปฮิโรชิม่าได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยวอีกด้วย พาสนี้ครอบคลุมการใช้งานรถไฟ JR ในพื้นที่ภุมิภาคคันไซและแนวชายฝั่งซันโยไปจนถึงเมืองฮิโรชิม่า ครอบคลุมเมืองท่องเที่ยวหลักๆ หลายเมืองเช่น ฮิโรชิม่า, โอคายาม่า, ทาคะมัตซึ, คิโนะซากิออนเซน, ทตโทริ, คิชิ, ชิราฮาม่า และเพิ่มพื้นที่ของคันไซเข้าไปด้วย  (ดูพื้นที่การใช้งานอย่างละเอียดที่นี่)

การใช้งาน:

  1. ใช้ขึ้นรถไฟ JR ขบวนธรรมดาและขบวนเร็วได้ไม่จำกัด ในโซน Kansai และตามแนวชายฝั่งซันโย ครอบคลุมเมืองโอซาก้า, เกียวโต, นารา, โกเบ, อาราชิยาม่า, ทตโตริ, ฮิเมจิ, วะคะยะม่า, โอคะยาม่า, มิฮาระ, ฮิโรชิม่า, มิยาจิม่า, สนามบินคันไซ และสนามบินโอคะยาม่า
  2. ใช้ขึ้นรถไฟขบวน Express ‘HARUKA, KUROSHIO, THUNDERBIRD, KOUNOTORI, SUPER HAKUTO (เส้นทางKyoto – Kamigori) แบบ non-reserved ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  3. ใช้ขึ้นรถไฟความเร็วสูง Shinkansen (แบบ non-reserved) สาย Sanyo ในเส้นทาง Shin Osaka – Hiroshima ได้
  4. สามารถใช้โดยสาร Kyoto Tango Railway, Wakayama Electric Railway, JR West Bus และ Choguku JR Bus ได้
  5. สามารถใช้โดยสารเรือเฟอร์รี่ของบริษัท JR ไปยังเกาะมิยาจิม่าได้
  6. พาสนี้ต้องใช้ต่อเนื่อง 5 วัน
  7. พาสนี้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น

ข้อจำกัดการใช้งาน:

  1. พาสนี้ไม่สามารถใช้ได้กับรถไฟชินคันเซน TOKAIDO เส้นทาง Shin Osaka-Tokyo/Maibara
  2. พาสนี้ไม่สามารถใช้ได้กับรถไฟชินคันเซน SANYO เส้นทาง Hiroshima-Hakata
  3. พาสนี้ไม่สามารถใช้ได้กับรถไฟชินคันเซน KYUSYU เส้นทาง Hakata-Kagoshima Chuo
  4. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถ้าต้องการโดยสารรถไฟขบวน SUPER HAKUTO (เส้นทาง Kamigori-Tottori) และ SUPER INABA (เส้นทาง Kamigori-Tottori)
  5. การจองที่นั่งใดๆ ต้องชำระค่าจองเพิ่มเติมที่ Ticket Office

ประเภทและราคาตั๋ว:

JR West-Kansai, Hiroshima Pass มีจำหน่ายเพียงประเภทเดียวคือ แบบ 5 วันต่อเนื่อง

สถานที่จำหน่าย:

  • นอกประเทศญี่ปุ่น: สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในไทย ซึ่งมีอยู่หลากหลายเจ้า หรือค้นหาตั๋วโปรโมชั่นพิเศษกับ KKdayได้ที่นี่ โดยสามารถนำ Exchange Order มาแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงได้ที่สถานีรถไฟ Kyoto, Shin-Osaka, Osaka,Sannomiya, Kansai-airport, Nara, Wakayama, Toyooka, Kinosakionsen, Fukuchiyama, Ayabe, Nishi-Maizuru, Higashi-Maizuru, Okayama, Hiroshima, และ Travel Service Center OSAKA หรือสามารถตรวจสอบจุดให้บริการ จากเว็บไซต์ทางการของ JR ได้ที่นี่ 
  • ในประเทศญี่ปุ่น: สามารถซื้อได้เมื่อเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว ที่สถานีต่างๆ ดังนี้ Tsuruga, Kyoto, Shin-Osaka, Osaka, Kobe, Shin-Kobe, Sannomiya, Himeji, Nijo, Uji, Saga-Arashiyama, Kyobashi, Tsuruhashi, Tennoji, Shin-Imamiya, Bentencho, Nishikujo, Kansai-airport, Nara, JR-Namba, Wakayama, Toyooka, Kinosakionsen, Fukuchiyama, Ayabe, Nishi-Maizuru, Higashi-Maizuru, Okayama, Hiroshima, KANSAI TOURIST INFORMATION CENTER KANSAI INTERNATIONAL AIRPORT (TERMINAL1, TERMINAL2), และ Travel Service Center OSAKA

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
สำหรับ
JR WEST-KANSAI, HIROSHIMA PASS

1.Hiroshima Itsukushima Shrine

ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโต ตั้งอยู่บนเกาะอิตสึกูชิมะ หรือที่รู้จักกันในนามเกาะมิยะจิมะ เมืองฮะสึไกชิ จังหวัดฮิโระชิมะ ศาลเจ้านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1996 ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมากว่า 1,400 ปีแล้ว นอกจากศาลเจ้าอิตสึกูชิมะแล้วรอบๆ บริเวณนี้ยังมีศาลเจ้าน้อยใหญ่ตั้งกันอยู่เรียงราย และที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาศาลเจ้าอิตสึกูชิมะนี้ก็คือเสาโทริอิสีส้มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางน้ำ เวลาน้ำขึ้นเสาโทริอิที่โด่งดังนี้จะดูเหมือนลอยน้ำอยู่ ส่วนช่วงที่น้ำลงนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินเข้าไปชมเสาโทริอิได้อย่างใกล้ชิด

นอกจากศาลเจ้าอิตสึกูชิมะและเสาโทริอิที่โด่งดังแล้ว ที่ฮิโรชิม่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่งเช่น  Hiroshima Peace Memorial Park (สวนสันติภาพฮิโรชิม่า), Mount Misen (ภูเขามิเซ็น), Hiroshima Castle (ปราสาทฮิโรชิม่า), Hiroshima Gokoku Shrine (ศาลเจ้าฮิโรชิม่าโกโคคุ), Shukkei-en (สวนชุคเคเอ็น), และ Hiroshima Prefectural Art Museum (พิพิธภัณฑ์ศิลปะจังหวัดฮิโรชิม่า) ดูข้อมูลท่องเที่ยวฮิโรชิม่าเพิ่มเติมได้ที่นี่

การเดินทาง:

  • จากสถานี Hiroshima นั่งรถไฟต่อมายังสถานี JR Miyajimaguchi จากนั้นนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะ 10 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาทีจาก Miyajima Pier

2. Himeji Castle

ปราสาทฮิเมจิ เป็นปราสาทดั้งเดิมที่เหลือรอดจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ ปราสาทนี้ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเมื่อปี 1993 และเป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเยอะที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกปราสาทฮิเมจิในอีกชื่อหนึ่งว่า “ชิระซะกิโจ” ที่แปลว่า “ปราสาทนกกระสาขาว” เรียกตามสีของปราสาทที่มีพื้นผิวสีขาวสว่างคล้ายกับสีของนกกระสาขาวนั่นเอง

การเดินทาง:

  • นั่งรถไฟลงสถานี Himeji แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที

3. Kinosaki Onsen

ถ้ากล่าวถึงออนเซ็น ใครๆ ก็ต้องนึกถึงญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก และออนเซ็นนั้นก็มีอยู่ทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าคุณจะไปภูมิภาคไหนๆ ก็หาออนเซ็นได้ และ “คิโนะซากิออนเซ็น” ที่นี่คือหนึ่งในออนเซ็นที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองเฮียวโงะ ห่างจากโอซาก้าไม่มากนัก ภายในเมืองมีบ่อน้ำร้อนสาธารณะที่เปิดให้ใช้บริการทั้งหมด 7 บ่อ กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในเมือง นักท่องเที่ยวส่วนมากที่ไปเมืองนี้จะพักที่พักแบบเรียวกัง ใส่ชุดยูกะตะ รองเท้าเกี๊ยะ เดินกันตามเมืองเพื่อไปแช่ออนเซ็นบ่อน้ำร้อนต่างๆ เป็นภาพที่น่ารัก เหมือนย้อนยุคไปสมัยโบราณของญี่ปุ่นเลยค่ะ ตัวเมืองเองก็น่ารัก มีจุดให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด ใครชอบถ่ายรูปเก๋ๆ แนะนำเมืองนี้เลย ห้ามพลาดจ้าววว

การเดินทาง :

  • นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Konotori วิ่งตรงจากสถานี Osaka หรือ สถานี Shin-Osaka มาลงสถานี Kinosaki-onsen ใช้เวลาเดินทางประมาณ 160 นาที

4. Universal Studio Japan (USJ)

พลาดไม่ได้เลยที่ต้องแนะนำก็คือ Universal Studio Japan หรือ USJ นั่นเอง เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่ไปเที่ยวแถบๆ คันไซ ต้องไม่พลาดที่จะไปสวนสนุกแห่งนี้แน่นอน โดยเฉพาะสาวกแฮร์รี่พอตเตอร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องเป็นสถานที่ลำดับต้นๆ ในรายการแน่นอนล่ะ ที่ Universal Studio Japan นั้นแบ่งออกเป็น 9 โซนด้วยกัน ได้แก่ Hollywood, New York, San Francisco, Jurassic Park, Amity Village, Water World, Universal Wonderland, Minion Park และ The Wizarding World of Harry Potter  ดูข้อมูลของแต่ล่ะโซนเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรืออยากได้ตั๋วเข้าสวนสนุกราคาพิเศษกับ KKday ก็คลิ้กที่นี่เลย

เวลาเปิด – ปิด ปกติแล้ววันธรรมดาจะเปิด 9.30 – 19.00 น. ส่วนเสาร์อาทิตย์นั้นจะเปิด 9.00 – 21.00 น.

การเดินทาง:

  • เดินทางโดยรถไฟสาย JR Loop Line จากโอซาก้า และลงที่สถานี Nishikujō Station และต่อรถไฟสาย Sakurajima และลงที่สถานี Universal City Station เดินไปยัง USJ เพียง 3 นาทีเท่านั้น

5. Kiyomizu Temple

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) หรือที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อ “วัดน้ำใส” เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นและได้เป็นหนึ่งในมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ด้วย เหตุที่คนไทยเรียกชื่อว่าวัดน้ำใสนั้น เนื่องมาจากชื่อวัดภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่า “น้ำบริสุทธิ์” นั่นเอง ช่วงนี้จะปิดซ่อมแซมในส่วนของอาคารหลัก จนถึงปี 2020 แต่ภายในวัดยังมีส่วนอื่นๆ ที่สวยงามไม่แพ้ตัวอาคารหลักเลย ช่วงที่สวยงามก็คงจะหนีไม่พ้นช่วงซากุระบานกับใบไม้เปลี่ยนสีเช่นเคย  เมื่อไปวัดคิโยมิซุแล้ว ก็คงอดไม่ได้ที่จะไปต่อกันที่วัดทอง (Kinkakuji) และวัดเงิน(Ginkakuji) ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันนัก และวัดทั้งสองแห่งนั้นก็มีความสวยงามไม่แพ้คุโยะมิซุเลย

การเดินทาง:

  • สถานีรถไฟ Kyoto ออกมาด้านหน้าสถานี สามารถซื้อตั๋วรถบัส KYOTO ONE DAY BUS CARD แบบเหมาวัน 500 เยน ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซื้อได้ที่จุดจอดรถบัสหน้าสถานีรถไฟเกียวโต
  • หรืออีกหนึ่งตัวเลือก คือการซื้อทัวร์วัดแบบหนึ่งวัน ไป-กลับ ที่นี่ 

6. Tottori Sand Dunes

สุดท้าย ท้ายสุดจะพามาชมทะเลทรายญี่ปุ่น แต่จะเรียกว่าทะเลทรายก็ไม่ถูกนักเพราะมันคือเนินทรายอันกว้างใหญ่ Tottori Sand Dune หรือ เนินทรายทตโทริ ตั้งอยู่อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติซานินไคกัน, เมืองทตโตริ เป็นเนินทรายที่อยู่เลียบแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น และเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของเมืองทตโตริ ที่ใครๆ ก็ต้องแวะมา เนินทรายนี้มีความสูงถึง 50 เมตร และกว้างกว่า 2 กิโลเมตรแน่ะ เรียกได้ว่ากว้างใหญ่มาก เนินทรายแห่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้เกิด “รอยริ้วคลื่น” และ “รอยริ้วคล้ายน้ำไหล” ที่เกิดจากสายลมปะทะกับผืนทราย ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง เช่น การขี่อูฐ, ร่อนร่ม, กระดานทราย หรือสามารถขึ้นไปดูทิวทัศน์บนดาดฟ้าจุดชมวิวที่ศูนย์ซาคิว หรือถ้ามาหน้าหนาวเนินทรายแห่งนี้ก็จะกลายเป็นลานหิมะที่กว้างงงงสุดลูกหูลูกเลยทีเดียวล่ะ

การเดินทาง:

  • นั่งรถไฟลงสถานี JR Tottori และนั่งรถเมล์ต่อ 20 นาที ลงป้าย Tottori Sakyu สุดสาย

นับว่าคุ้มมากทีเดียวสำหรับคนที่มีแผนเดินทางข้ามภาคอย่างเช่น เดินทางจากคันไซไปฮิโรชิม่า ถ้าหากมีแผนเที่ยวแค่ในเขตคันไซก็มีพาสอื่นๆ ที่ราคาถูกกว่าและอาจจะเหมาะสมกับการเดินทางมากกว่า

ข้อมูลพาสอื่นๆ ในเขตคันไซ: