JR Southern Kyushu Pass คือตั๋วรถไฟเจอาร์ที่ใช้ท่องเที่ยวในแถบตอนใต้ของเกาะคิวชู สามารถใช้โดยสารรถไฟได้ทุกประเภทแบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ครอบคลุมตั้งแต่เมืองคุมาโมโตะ, โนะเบะโอกะ, ฮิโตะโยะชิ, โยชิมัตสึ, มิยาซากิ, มินามิมิยาซากิ, นันโงะ, ชิบุชิ, อิบุซึกิ, มะคุระซากิ, ฮายาโตะ และ คาโกชิม่า เป็นต้น  ตอนใต้สุดของเกาะคิวชูนั้นขึ้นชื่อในเรื่องบ่อน้ำพุร้อนมากเป็นพิเศษ นอกจากนั้นก็ยังมีธรรมชาติแวดล้อมที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือทะเล และอีกที่ที่น่าสนใจก็คือ บ่อทรายร้อนแห่งเมืองอิบุซึกิ ที่นักท่องเที่ยวสามารถสปาทรายร้อน พร้อมๆ กับการดูวิวทิวทัศน์ทะเลอันสวยงามของเมืองไปด้วยในเวลาเดียวกัน

อีกอย่างที่พลาดไม่ได้เลยของการเที่ยวเกาะคิวชูก็คือ การได้นั่งรถไฟด่วนพิเศษยอดนิยม ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองต่างๆ หรือแม้แต่การซื้อข้าวกล่องอันเป็นเอกลักษณ์ประจำสถานีและเมืองนั้นๆ อีกด้วย (ดูพื้นที่การใช้งานอย่างละเอียดที่นี่ )

การใช้งาน:

  1. ใช้โดยสารรถไฟแบบธรรมดาในพื้นที่ได้ แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว
  2. ใช้โดยสารรถไฟความเร็วสูงในพื้นที่ได้ แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว
  3. ใช้โดยสารรถไฟขบวนด่วนพิเศษยอดนิยมในพื้นที่ได้ (ขบวน Ibusuki no Tamatebako เส้นทาง Kagoshima chuo – Ibusuki)
  4. ใช้โดยสารรถไฟชินคันเซ็นที่ JR Kyushu ให้บริการในพื้นที่ได้ (N700 Series Shinkansen เส้นทาง Kumamoto – Kagoshima chuo)
  5. สามารถจองที่นั่งได้ไม่เกิน 10 ครั้ง ภายใน 3 วัน ตามชนิดของตั๋ว
  6. พาสนี้ต้องใช้ต่อเนื่อง 3 วัน
  7. พาสนี้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น

ประเภทและราคาตั๋ว:

JR Southern Kyushu Pass มีเพียงประเภทเดียว ก็คือแบบ 3 วันต่อเนื่อง

สถานที่จำหน่าย:

  • นอกประเทศญี่ปุ่น: สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในไทย ซึ่งมีอยู่หลากหลายเจ้า หรือค้นหาตั๋วโปรโมชั่นพิเศษกับ KKdayได้ที่นี่ โดยสามารถนำ Exchange Order มาแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงได้ที่สถานีรถไฟ Kumamoto, Kagoshima-chuo, Miyazaki และ สนามบิน Miyazaki หรือสามารถตรวจสอบจุดให้บริการ จากเว็บไซต์ทางการของ JR ได้ที่นี่
  • ในประเทศญี่ปุ่น: สามารถซื้อได้เมื่อเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว ที่สถานีต่างๆ ดังนี้ Kumamoto, Kagoshima-chuo, Miyazaki และ สนามบิน Miyazaki

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
สำหรับ
JR SOUTHERN KYUSHU PASS

1. Kumamoto Castle

ปราสาทคุมาโมโตะ เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองจูโอ จังหวัดคุมาโมโตะ ตัวปราสาทนั้นสวยงามและยิ่งใหญ่มาก บริเวณรอบๆ ปราสาทก็กว้างขวาง ทั้งยังมีการปลูกต้นซากุระไว้อีกหลายร้อยต้นเลยทีเดียว ที่นี่จึงเป็นจุดชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามและเป็นที่ที่คนหลั่งไหลมาชมเยอะอีกจุดหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากตัวปราสาทแล้วก็ยังมีสวนสาธารณะที่อยู่รอบๆ ปราสาทเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยว และไม่ห่างจากปราสาทนักมีถนนคนเดินหรือที่เรียกว่า Sakura no baba josaien เป็นแหล่งช้อปปิ้งอาหารและของฝาก รวมทั้งมีของที่ระลึกที่ขึ้นชื่อของเมืองอย่างเจ้าหมีคุมะมงขายด้วย

การเดินทาง :

– นั่งรถไฟลงสถานี Kumamoto จากนั้นต่อรถรางสาย A ไปลงที่ป้าย Kumamotojo – Shiyakusho-Mae จากนั้นเดินต่อประมาณ 10 นาที

2. Takachiho Gorge

ช่องเขาทาคาชิโฮ เป็นช่องเขาหินสวยงามตั้งอยู่ในเมืองทาคาชิโฮ ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยาซากิ อยู่ไม่ไกลจากภูเขาไฟอะโซะมากนัก ที่นี่ถือเป็นอัญมณีที่ลึกลับของเกาะคิวชูที่นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัส กิจกรรมหลักๆ ก็คือ การเช่าเรือพาย หรือการเดินป่าชมวิวน้ำตก Manai ที่ตกลงมาจากผาสูง ที่นี่จะสวยงามและมีสีสันมากในช่วงใบไม้เปลี่ยน ตลอดสองข้างทางเดินจะเห็นไม้ยืนต้นต่างแข่งกันผลัดสีใบของตัวเอง โดยจะค่อยๆ เริ่มจากสีเขียว ไปเหลือง ส้ม แดง ตามลำดับ นับเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยล่ะ

การเดินทาง:

– นั่งรถไฟลงสถานี Nobeoka จากนั้นต่อรถบัสไปยังทาคะชิโฮ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (ดูตารางรถบัสที่นี่ ) แนะนำให้ค้างคืนที่เมืองมิยาซากิ, โนเบะโอกะ หรือ ทาคะชิโฮะเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางค่ะ

– หรือสนใจวันเดย์ทัวร์หุบเขาทาคาชิโฮ ออกเดินทางจากคุมาโมโตะ ดูข้อมูลที่นี่เลย

3. Udo Jingu Shrine

ศาลเจ้ายูโดะ เป็นศาลเจ้าชินโตตั้งอยู่ริมทะเล ในเมืองนิชินัง จังหวัดมิยาซากิ  ลักษณะเด่นของศาลเจ้านี้คือมีสีสันสดใส ตั้งอยู่ภายในถ้ำ ริมทะเล ถ้ามองจากบริเวณศาลเจ้าจะเห็นวิวทิวทัศน์ทะเลของเมืองมิยาซากิสวยงามมาก การมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ควรแต่งกายให้สะดวกต่อการเดินขึ้นลงเนินเขา เพราะด้วยความที่ศาลเจ้าตั้งอยู่ริมผา จึงมีพื้นที่ชันบ้างเป็นบางส่วน นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่โดดเด่นเรื่องลักษณะที่ตั้งแล้ว ที่นี่ยังถือว่าศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการขอลูกและความรักอีกด้วยนะ ใครที่ยังโสด มาศาลเจ้านี้อาจจะได้เนื้อคู่กลับไปก็ได้เน้อออ  ><

ดูข้อมูลท่องเที่ยวศาลเจ้าบนเกาะคิวชูเพิ่มเติมที่นี่

การเดินทาง:

  • จากสถานีรถบัส Miyazaki โดยสารรถบัส Miyazaki Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Udo Jingu ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แล้วเดินต่ออีก 10 นาที

4. Shiroyama Park

สวนสาธารณะชิโรยามะ ตั้งอยู่บนเนินเขาชิโรยามะ ในเมืองคาโกชิม่า และยังเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวชิโรยามะ (Shiroyama Observatory) ที่มีความสูง 107 เมตร จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองคาโงะชิมะ อ่าวคิงโค และภูเขาไฟซากุระจิมะที่เด่นสง่าอยู่ด้านหน้าได้อย่างชัดเจน สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นจุดชมวิวของเมืองที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ยิ่งในช่วงเย็นเราจะมองเห็นวิวเมืองและวิวภูเขาไฟซากุระจิมะได้สวยขึ้นอีก

การเดินทาง :

  • นั่งรถไฟลงสถานี Kagoshima-Chuo จากนั้นต่อรถบัส City View Bus ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ลงที่ป้าย Shiroyama Observatory bus stop

5. Saraku Sand Bath Hall

Source : kagoshima-kankou.com

สปาทรายร้อน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องนึกถึงและพลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวเมืองอิบุสึกิ  เนื่องจากเมืองนี้มีภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ จึงทำให้พื้นใต้ดินมีน้ำร้อนตามธรรมชาติไหลเวียนอยู่ ทำให้หาดทรายของเมืองอิบุสึกิมีความร้อนที่ไม่เหมือนกับที่อื่น จึงเกิดแนวคิดสปาทรายร้อนเพื่อช่วยผ่อนคลาย และรักษาโรคต่างๆ  ความร้อนจากทรายยังทำให้เลือดไหลเวียนดีจึงช่วยฟื้นฟูให้ผิวสุขภาพดีตามไปด้วย เรียกได้ว่าสรรพคุณคล้ายๆ กับการแช่น้ำร้อนออนเซ็นเลยทีเดียว เพียงแค่ที่นี่เค้าเปลี่ยนจากใช้น้ำร้อนมาเป็นทรายร้อนแทน เป็นอีกหนึ่งกิ0กรรมที่น่าสนใจทีเดียว

ที่ Saraku sand bath Hall มีทั้งห้องสปาทรายแบบในร่มและแบบกลางแจ้งริมชายหาด รวมทั้งมีห้องอบแบบซาวน่าไว้ให้บริการ และเป็นสปาที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากที่สุดด้วย ดังนั้นนักท่องเที่ยวเลยมักจะนึกถึงที่นี่เป็นอันดับแรกๆ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่ )

การเดินทาง:

  • นั่งรถไฟลงสถานี JR Ibusuki เดินต่อ 15นาที หรือ ต่อรถบัสประมาณ 5 นาที

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำที่กล่าวมาแล้ว ภูมิภาคคิวชูเองยังโด่งดังมากเรื่องนั่งรถไฟท่องเที่ยว เพราะแต่ละขบวนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกิมมิกเล็กๆ ที่ต่างกันออกไป แสดงให้เหฌนถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี่ล่ะความเป็นญี่ปุ่นที่ทำให้คนทั้งโลกอยากมาสัมผัส

ข้อมูลท่องเที่ยวเกาะคิวชูเพิ่มเติม: